ส่งออก ก.ย. กลับมาขยายตัวสูงสุดในรอบ 42 เดือน ทั้งปีมีแนวโน้มบวกเกินคาด ขณะที่นำเข้าโตแรงเช่นกัน
มูลค่าการส่งออกของไทยทั้งปี 2025 มีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่าที่ SCB EIC ประเมินไว้ แม้การส่งออกในช่วงไตรมาส 4 ปี 2025 จะมีแนวโน้มแย่ลง
![Infographic-Flash-Export-SEP-25-20251027-2.jpg.jpg]()
มูลค่าส่งออกสินค้าเดือน ก.ย. 2025
มูลค่าส่งออกสินค้าเดือน ก.ย. 2025 อยู่ที่ 30,970.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐขยายตัวสูง 19% จาก 5.8%YOY ในเดือนก่อน เติบโตสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง และสูงกว่าที่ประเมินไว้มาก (SCB EIC ประเมิน 3.5% และค่ากลาง Reuter Poll ประเมิน 7%) ตัวเลขปรับฤดูกาลขยายตัวสูงถึง 3.8%MOM_SA เร่งขึ้นจาก 0.1%MOM_SA ในเดือน ส.ค. ภาพรวมมูลค่าส่งออกสะสม 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ขยายตัวสูง 13.9% (รูปที่ 1 และ 2)
ส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และทองคำไม่ขึ้นรูปยังคงเป็นปัจจัยหนุนหลักเดือนนี้
1) การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยังคงขยายตัวสูงต่อเนื่อง จากการเร่งส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไปสหรัฐฯ เนื่องจากยังคงได้รับการยกเว้นภาษีตอบโต้ในบางสินค้าอยู่ วัฏจักรขาขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และแนวโน้มการลงทุนในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และกลุ่ม Data center ที่ขยายตัวทั่วโลก สะท้อนได้จากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไปสหรัฐฯ, จีน, สิงคโปร์, เม็กซิโก และมาเลเซีย ที่ขยายตัวสูง 67.1%, 32%, 97.1%, 100.1% และ 64% ตามลำดับ (การส่งออกไปสหรัฐฯ คิดเป็น 47.7% ของมูลค่าการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ของไทยทั้งหมดในเดือนนี้) การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มีส่วนช่วยให้การส่งออกไทยเดือนนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น (CTG) 8.1% เกือบครึ่งหนึ่งของการเติบโตส่งออกรวม 19%
2) ทองคำยังคงเป็นปัจจัยหนุนการส่งออกที่สำคัญต่อเนื่อง การส่งออกทองคำไม่ขึ้นรูปขยายตัวสูง 212.6% เร่งขึ้นจาก 144% ในเดือนก่อน โดยการส่งออกทองคำไปสวิตเซอร์แลนด์, สิงคโปร์ และ สปป. ลาว ขยายตัวสูงต่อเนื่อง 615.6%, 95.7% และ 437.1% ตามลำดับ ขณะที่การส่งออกไปสหรัฐฯ ขยายตัวสูงมากถึง 185,737.4% โดยการส่งออกไป 4 ประเทศดังกล่าวคิดเป็นกว่า 95.9% ของมูลค่าการส่งออกทองของไทยทั้งหมด ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความต้องการทองคำในตลาดโลกเพื่อรองรับความเสี่ยงที่สูงขึ้น รวมถึงราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นมาก การส่งออกทองคำมีส่วนช่วยให้การส่งออกไทยเดือนนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น (CTG) 6%YOY เกือบครึ่งหนึ่งของการเติบโตส่งออกรวม 19%
3) การส่งออกไทยไปสหรัฐฯ ยังขยายตัวได้ดีในเดือน ก.ย. แม้ถูกตั้งกำแพงภาษีแล้วในหลายสินค้า โดยขยายตัว 35.3% เร่งขึ้นจาก 12.8% ในเดือนก่อน หากหักการส่งออกสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ พบว่าการส่งออกไปสหรัฐฯ ยังขยายตัวสูง 14.2% สอดคล้องกับข้อมูลกิจกรรมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงระยะสั้นนี้ที่ยังขยายตัวดี เช่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สหรัฐฯ ในเดือน ก.ย. และข้อมูลเบื้องต้นในเดือน ต.ค. ที่ระดับ 53.9 และ 54.8 ตามลำดับ (ข้อมูล > 50 สะท้อนการขยายตัว) การส่งออกไปสหรัฐฯ มีส่วนช่วยให้การส่งออกไทยเดือนนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น (CTG) 6.8%YOY ของการเติบโตส่งออกรวม 19%
การนำเข้าเร่งตัวมากขึ้นอีกเกือบทุกหมวด โดยเฉพาะจากจีนและไต้หวัน ดุลการค้ากลับมาเกินดุล
มูลค่าการนำเข้าสินค้าเดือน ก.ย. อยู่ที่ 29,695.55 ล้านดอลลาร์สหรัฐขยายตัว 17.2% เร่งขึ้นจาก 15.8% ในเดือน ส.ค. สูงกว่าประมาณการ (SCB EIC และค่ากลาง Reuter Poll ประเมิน 10.6%) ภาพรวมมูลค่านำเข้า 9 เดือนแรกปีนี้ขยายตัวสูง 11.9% โดยในเดือนนี้การนำเข้ายานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป และอาวุธ ยุทธปัจจัย และสินค้าอื่น ๆ ขยายตัวสูงขึ้นเป็น 31.8%, 18.9% และ 15.1% เทียบกับ 5.3%, 12.7% และ 7.2% ในเดือนก่อน ตามลำดับ ขณะที่สินค้าทุนและสินค้าอุปโภคบริโภคยังขยายตัวสูงต่อเนื่อง 23.7% และ 16.6% ตามลำดับ ทั้งนี้ สินค้าเชื้อเพลิงเป็นหมวดเดียวที่กลับมาหดตัว -0.8% หลังขยายตัว 5.6% ในเดือนก่อน (รูปที่ 3)
หากพิจารณาการนำเข้ารายประเทศพบว่า การนำเข้าสินค้าจากจีนและไต้หวันเป็นส่วนสำคัญที่การนำเข้าไทยเดือนนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น (CTG) 16.8% (จีน 10.4% ไต้หวัน 6.4%) จากการนำเข้ารวมที่โตถึง 17.2%YOY โดย
1. จีน : ไทยนำเข้าจากจีนขยายตัวสูงถึง 38.7% ในเดือน ก.ย. เร่งขึ้นจาก 33.4% เดือนก่อน ส่งผลให้ 9 เดือนแรกของปี 2025 มูลค่านำเข้าไทยจากจีนขยายตัวสูง 33.5% เป็นการขยายตัวทุกหมวด โดยเฉพาะ 1) สินค้าทุนขยายตัวสูงถึง 57.8% เช่น เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบที่ขยายตัว 95.4%, 40.9% และ 11.9% ตามลำดับ ไทยนำเข้าสินค้าทุนจากจีนกว่าครึ่งหนึ่ง คิดเป็น 51.6% ของมูลค่านำเข้าสินค้าทุนทั้งหมดของไทยในเดือนนี้ 2) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ขยายตัว 24.6% เช่น แผงวงจรไฟฟ้า, ไดโอด ทรานซิสเตอร์และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ และวงจรพิมพ์ ที่ขยายตัวสูง 32.8%, 23.8% และ 41% ตามลำดับ โดยการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป จากจีนคิดเป็น 24.5% ของมูลค่านำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปทั้งหมดของไทยในเดือนนี้ 3) สินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัว 26.1% เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน, เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด และเครื่องใช้และเครื่องตกแต่งภายในบ้านเรือนขยายตัวสูง 23%, 31.2% และ 25.4% ตามลำดับ โดยการนำเข้าอุปโภคบริโภค จากจีนคิดเป็น 46.6% ของมูลค่านำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหมดของไทยในเดือนนี้ (รูปที่ 4 ซ้าย)
2. ไต้หวัน : ไทยนำเข้าจากไต้หวันขยายตัวสูงมากต่อเนื่อง 2 เดือนอยู่ที่ 109.6% ในเดือน ก.ย. และ 130.4% ในเดือน ส.ค. โดยราว 90% ของมูลค่าการนำเข้าจากไต้หวันในเดือนนี้เป็นสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป และหากดูรายสินค้าพบว่า ไทยนำเข้าแผงวงจรไฟฟ้าจากไต้หวันเพิ่มขึ้นมากถึง 223.3% และ 246.2% ในเดือน ก.ย. และ ส.ค. ตามลำดับ (คิดเป็น 91% และ 88.7% ของมูลค่านำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปจากไต้หวันทั้งหมด) (รูปที่ 4 ขวา)
ข้อมูลนำเข้าสะท้อนนัยว่า (1) สินค้านำเข้าหลักของไทยส่วนมากเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ สอดคล้องกับมูลค่าส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของไทยที่ยังขยายตัวสูงต่อเนื่อง ตามวัฏจักรขาขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก เช่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และศูนย์ข้อมูล (Data center) ทั้งนี้ไทยผลิตสินค้าต้นน้ำและกลางน้ำได้ค่อนข้างจำกัด จึงต้องนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น จีนและไต้หวัน เพื่อรองรับความต้องการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ส่งออกตลาดโลกเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ แนวโน้มการลงทุนในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และกลุ่ม Data center ที่ยังขยายตัวต่อเนื่องในไทย เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้การนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้ขยายตัวสูงเป็นพิเศษ
(2) การนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคจากจีนสูง ยังคงสะท้อนปัญหาสินค้าจีนราคาถูกทะลักเข้าไทย จาก (1) ภาวะเศรษฐกิจจีนที่ยังคงซบเซาจากความเชื่อมั่นในประเทศที่ยังคงต่ำและปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ (2) จีนโดนกำแพงภาษีนำเข้าสหรัฐฯ สูงโดยเปรียบเทียบกับชาติคู่แข่งอื่น จึงมุ่งส่งออกสินค้าถูกกว่ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น และ (3) ภาวะเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวและหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าราคาถูกจากจีนมากขึ้น
ดุลการค้า (ระบบศุลกากร) เดือนนี้กลับมาเกินดุล 1,275.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังขาดดุลสูงเดือนก่อน 1,964.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดุลการค้าเดือนนี้เกินดุลสูงกว่าคาดบ้าง (SCB EIC ประเมิน 770 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และค่ากลาง Reuter Poll ที่ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ผลจากการส่งออกที่สูงกว่าคาดการณ์มาก ดุลการค้าสะสม 3 ไตรมาสแรกของปี 2025 ขาดดุลเล็กน้อย -429.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนส่งออกและนำเข้าไทยสะสมปีนี้สูงใกล้เคียงกัน
SCB EIC ยังมองการส่งออกท้ายปีแย่ลง ภาพทั้งปี 2025 มีแนวโน้มดีกว่าคาด ปี 2026 เสี่ยงติดลบ
จากข้อมูลส่งออก 9 เดือนแรกของปีนี้ที่ออกมาดีกว่าคาดต่อเนื่อง และข้อมูลส่งออกเดือน ก.ย. ยังขยายตัวสูงถึง 19% มูลค่าการส่งออกของไทยทั้งปี 2025 จึงมีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่าที่ SCB EIC ประเมินไว้ล่าสุดก่อนนี้ที่ 5.3% แม้การส่งออกในช่วงไตรมาส 4 ปี 2025 จะมีแนวโน้มแย่ลง และก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์เคยตั้งเป้ามูลค่าการส่งออกปีนี้ไว้ที่ 2-3% เท่านั้น แต่การแถลงล่าสุดเดือนนี้ กระทรวงพาณิชย์ปรับมุมมองส่งออกปีนี้อาจขยายตัวได้สูงขึ้นมากถึง 10.4% อย่างไรก็ดี SCB EIC ประเมินว่า แม้ตัวเลขส่งออกไทยปีนี้ที่จะให้ภาพเร่งตัวสูงกว่าปีก่อนมาก แต่ไทยอาจได้รับประโยชน์สุทธิไม่มากเท่าที่ควร เนื่องจากทองคำเป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัวสูงมากในปีนี้ และการนำเข้าขยายตัวสูงขึ้นมากเช่นเดียวกับการส่งออก
สำหรับในปี 2026 SCB EIC มองส่งออกไทยมีแนวโน้มหดตัว -1.9% (ประเมิน ณ ต้นเดือน ต.ค. 2025) จากหลายปัจจัยกดดัน เช่น การที่สหรัฐฯ มีแนวโน้มตั้งกำแพงภาษีเพิ่มเติม ทั้งภาษีรายสินค้า (โดยเฉพาะอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัวได้ดีในช่วงที่ผ่านมา) รวมถึงภาษีสินค้าสวมสิทธิ 40% เศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวชะลอลง ความไม่แน่นอนของการค้าโลกที่ยังสูง ปัจจัยฐานสูง ค่าเงินบาทที่อาจแข็งกว่าภูมิภาค สอดคล้องกับมุมมองหลายองค์กรระหว่างประเทศว่า ปริมาณการค้าโลกในปี 2026 มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากปี 2025 มาก โดย IMF มองว่าปริมาณการค้าและบริการโลกมีแนวโน้มขยายตัว 2.3% ในปี 2026 ชะลอลงจาก 3.6% ในปี 2025 เช่นเดียวกับ WTO ที่มองว่าปริมาณการค้าโลกจะขยายตัวเพียง 0.5% ในปี 2026 ชะลอลงจาก 2.4% ในปี 2025
ทั้งนี้ SCB EIC อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์และปรับประมาณการเศรษฐกิจใหม่ โดยคาดว่าจะเผยแพร่ช่วงเดือน พ.ย. 2025




