เศรษฐกิจไทย
SCB EIC ปรับคาดการณ์ GDP ไทยปี 2568 ดีขึ้นเป็น 2.1% จากแรงหนุนของการส่งออกและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ
1. ภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน
SCB EIC ได้วิเคราะห์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ผ่านตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) อัตราเงินเฟ้อของไทย และอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย
1.1 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของไทย (GDP ประเทศไทย)
SCB EIC ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจไทย 2568 จาก 1.8% เป็น 2.1% เนื่องจากการส่งออกสินค้าเติบโตแรงกว่าที่เคยคาดไว้ โดยมีปัจจัยหนุนจากการส่งออกทองคำ การฟื้นตัวของวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์โลก และเศรษฐกิจโลกที่สามารถรับมือผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ได้ดีขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้า ตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับ GDP ไตรมาส 3 ปี 2568 ที่ออกมาขยายตัว 1.2%YOY สูงกว่าที่ประเมินไว้ โดยมีการส่งออกสินค้าและการลงทุนของเอกชนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4 ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวใกล้ 1%YOY ซึ่งถือว่าดีกว่าภาพเดิม อานิสงส์จากมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบปี 2569 ที่เริ่มเห็นผลชัด โดยเฉพาะในเดือนตุลาคมที่อัตราเบิกจ่าย โดยเฉพาะงบลงทุนสูงกว่าปกติมาก ขณะเดียวกันการบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะฟื้นตัวตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส วงเงิน 6.7 หมื่นล้านบาท
SCB EIC ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 2569 ยังขยายตัวในระดับต่ำ และคงสมมติฐานเดิมที่ 1.5% เนื่องจากเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเกือบทุกด้านมีแนวโน้มอ่อนแรงลง โดยเฉพาะภาคส่งออกที่คาดว่าจะหดตัว จากหลายปัจจัย ได้แก่ 1. ผลของการเร่งนำเข้าก่อนขึ้นภาษี (Front-loading) เริ่มจบลงหลังสหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้า 2. ความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะตั้งกำแพงภาษีรอบใหม่กับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าสวมสิทธิ 3. เศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอตัว จากความไม่แน่นอนทางการค้าและผลของภาษีทรัมป์ที่เริ่มส่งผลชัดเจน และ 4. สินค้าจีนสามารถกลับมาแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ ได้ดีขึ้น หลังจากสหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงลดภาษีอัตราสูงระหว่างกันนาน 1 ปี
1.2 อัตราเงินเฟ้อของไทย
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะยังคงติดลบต่อเนื่องอีกหลายเดือน และมีแนวโน้มจะยังไม่กลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในปีนี้และปีหน้า สาเหตุหลักมาจากราคาอาหารสดและราคาพลังงานที่มีแนวโน้มลดลง โดยหมวดดังกล่าวมีน้ำหนักรวมกันมากกว่า 50% ของตะกร้าเงินเฟ้อไทย สูงกว่าประเทศอื่นจำนวนมาก ทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่าเงินเฟ้อจะไม่สามารถกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ตลอดปี 2569 ขณะเดียวกันเงินเฟ้อที่ทรงตัวใกล้ 0% นานอาจทำให้ความเสี่ยงเงินฝืดเพิ่มขึ้น
1.3 อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย
SCB EIC คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับลดลงสู่ระดับ 1% ภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2569 และจะทรงตัวในระดับต่ำไปจนถึงสิ้นปี โดยมีโอกาสเห็น กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในการประชุมเดือนธันวาคม 2568 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มเติบโตต่ำมากต่อเนื่องไปในช่วงครึ่งแรกของปี 2569 และต้องเผชิญความไม่แน่นอนทางการเมืองจากกระบวนการเลือกตั้งใหม่
2. นโยบายรัฐบาลภายใต้โครงการ Quick Big Win ของรัฐบาลใหม่ช่วยพยุงเศรษฐกิจระยะสั้น แต่กระตุ้น GDP ได้จำกัด
รัฐบาลใหม่แถลงนโยบาย “Quick Big Win” ตั้งเป้า “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว” แม้จะมีแผนยุบสภาภายใน 4 เดือนหลังแถลงนโยบาย โดยมีมาตรการเสาหลัก เช่น “คนละครึ่ง พลัส” วงเงิน 6.7 หมื่นล้านบาท เร่งใช้จ่ายใน 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2569 จากงบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจรวม 1.5 แสนล้านบาท พร้อมมาตรการเสาหลักด้านอื่น ๆ
SCB EIC ประเมินว่า ผลของมาตรการคนละครึ่งฯ ต่อ GDP มีส่วนช่วยกระตุ้นการบริโภคในช่วงไตรมาส 4 ได้บ้าง แต่ผลโดยรวมอาจยังจำกัด เนื่องจากใช้งบจัดสรรจากโครงการอื่น ไม่ใช่เม็ดเงินใหม่ อีกทั้งบางส่วนอาจรั่วไหลจากระบบเศรษฐกิจ เช่น การซื้อสินค้านำเข้าหรือใช้จ่ายกับร้านค้าที่อยู่นอกระบบภาษี
3. บทวิเคราะห์เศรษฐกิจไทย
2.1 บทวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยเดือนพฤศจิกายน 2568
2.2 บทวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยเดือนตุลาคม 2568
2.3 บทวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/2568
2.4 บทวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยเดือนสิงหาคม 2568
2.5 บทวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยเดือนกรกฎาคม 2568
2.6 บทวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ปี 2568
2.7 บทวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยเดือนพฤษภาคม 2568
2.8 บทวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยเดือนเมษายน 2568
2.9 บทวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ปี 2568
2.10 บทวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยเดือนมกราคมปี 2568
2.11 รวมบทวิเคราะห์เศรษฐกิจไทย