INDUSTRY INSIGHT
09 ธันวาคม 2025
ธุรกิจน้ำมันของไทยอยู่ในภาวะทรงตัวจากปริมาณการใช้น้ำมันในประเทศที่เติบโตได้เล็กน้อย แต่มีแรงกดดันจากส่วนต่างกำไร (Margin) ที่ลดลง
ระดับราคาน้ำมันดิบปรับลดลงอย่างช้า ๆ ต่อเนื่องจากปี 2025 โดยมีสาเหตุหลักจากอุปสงค์ที่เติบโตช้า
แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ
ระดับราคาน้ำมันดิบปรับลดลงอย่างช้า ๆ ต่อเนื่องจากปี 2025 โดยมีสาเหตุหลักจากอุปสงค์ที่เติบโตช้า ตามทิศทางเศรษฐกิจโลกและ Energy transition ประกอบกับอุปทานน้ำมันดิบที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
- ในปี 2025 ตลาดน้ำมันดิบ (Crude oil) เผชิญกับแรงกดดันของการคืนกำลังการผลิตของ OPEC+และการเพิ่มการผลิตของผู้ผลิตนอกกลุ่ม ทำให้เกิดภาวะ Implied stock build ต่อเนื่องและกดดันสมดุลตลาด โดยตลาดมีแนวโน้มอ่อนตัวลงในปี 2026-2029 ตามความต้องการใช้น้ำมันที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ขณะที่ Supply ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันโลกจะเผชิญ “Supply-led disinflation” (ในปี 2026-2029) ราคามีแนวโน้มลดลงจากอุปทานส่วนเกิน โดยเฉพาะจาก Non-OPEC+ เช่น สหรัฐฯ และบราซิล ด้านอุปสงค์ (Demand) ชะลอลงอย่างต่อเนื่อง หลังผ่านพ้นช่วงฟื้นตัว Post-COVID โดยเฉพาะในภาคขนส่ง และถูกกดดันจาก Energy transition ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ (เช่น อิหร่าน-อิสราเอล) ยังเป็น Upside risk สำคัญของราคาน้ำมัน เมื่อถึงปี 2029 เป็นต้นไป อัตราการเติบโตของ Supply จากกลุ่ม Non-OPEC+ เริ่มชะลอตัวลงจากปัญหาทุนและแหล่งผลิตที่ให้ Yield ที่คุ้มค่าในการลงทุนเริ่มลดลง ประกอบกับบริษัทต่าง ๆ เริ่มระมัดระวังจาก Trend energy transition และเน้นผลตอบแทนที่สม่ำเสมอแก่ผู้ถือหุ้นมากกว่าการใช้เงินเพื่อลงทุนในแหล่งผลิตที่อาจไม่คุ้มค่าในอนาคต
ค่าการกลั่นในเอเชียปี 2025 ปรับลดลงต่อเนื่องจากกำลังการผลิตที่ทยอยเพิ่มมากขึ้นในฝั่งเอเชียเป็นหลัก
- ค่าการกลั่นจะกลับคืนสู่ระดับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี (2015-2019)ในช่วงปี 2026-2029 และบางภูมิภาคจะเริ่มเข้าสู่ Peak oil demand ในบางชนิดของน้ำมันสำเร็จรูป หลังจากที่อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีมาตั้งแต่ปี 2021
- แนวโน้ม 2026–2029 : Overcapacity & Margin Downtrend ตลาดโลกเข้าสู่ช่วง Peak oil demandในภาคขนส่ง (Gasoline peak ในปี 2027 ใน EU/US) เป็นปัจจัยกดดันต่อการเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันในอนาคต การลงทุนโรงกลั่นใหม่ยังมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเอเชียและตะวันออกกลาง (Al Zour, จีน และอินเดีย) ทำให้ Supply เพิ่มสูงในโซน Atlantic Basin (ยุโรป–อเมริกาเหนือ) ในขณะที่ Demand ที่ทรงตัว และโรงกลั่นเก่า ๆ ต้องปิดตัว ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปมีการถูก Disrupt จาก EV, biodiesel, SAF และกฎ IMO/EU ด้าน Decarbonization ส่วน GRM (กำไรขั้นต้นโรงกลั่น) ลดลงจากระดับสูงสุดในปี 2022–2023 และจะทรงตัวที่ระดับ “Normalize”
ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันของไทย
ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันของไทยในปี 2025 คาดว่าปริมาณการใช้น้ำมันหดตัวที่ -2.8%YoY จากการปรับลดลงของการใช้น้ำมัน Jet และ Diesel เป็นหลัก ส่วนปี 2026 ปริมาณการใช้น้ำมันเติบโตขึ้นได้เล็กน้อย
- ปี 2025 คาดว่าปริมาณการใช้น้ำมันหดตัวที่ -2.8%YoY จากการปรับลดลงของการใช้น้ำมัน Jet และ Diesel เป็นหลัก ส่วนปี 2026 ปริมาณการใช้น้ำมัน เติบโตขึ้นได้เล็กน้อย จากแรงสนับสนุนของภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว
- ส่วนในระยะกลาง 2027-2029 ยังคงได้รับจากการใช้น้ำมัน Diesel จากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ฟื้นตัวได้ต่อเนื่องปริมาณความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปของไทยโดยรวมฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 2026-2029 จากแรงสนับสนุนของ Jet fuel จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการกลับมาของเที่ยวบินระหว่างประเทศ สำหรับน้ำมัน Gasoline เติบโตได้ในระดับต่ำตามกำลังซื้อและโครงสร้างยานยนต์ใหม่ที่เริ่มถูกแทนที่บางส่วนด้วย EV/Hybrid ในขณะที่น้ำมันเพื่อการขนส่งขนาดใหญ่ อย่าง Diesel ทรงตัวในปี 2026 จากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอ ประกอบกับความไม่แน่นอนของความไม่สงบของชายแดน แต่มีแนวโน้มฟื้นในปี 2027–2029 ตามกิจกรรมขนส่งและภาคเกษตร ส่วนน้ำมันเตา หรือ Fuel oil ถูกกดดันต่อเนื่องจากภาคเดินเรือที่เผชิญกับมาตรการ IMO และการใช้เชื้อเพลิงสะอาดกว่าในการเดินเรือ ส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันเตาไม่เติบโตอีกต่อไป