EIC ประเมิน แนวโน้มการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ ของสหรัฐฯ และนัยต่อเศรษฐกิจและภาวะการเงิน
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ผ่านร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ผ่านร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับในขั้นตอนต่อไปนั้น ร่างมาตรการชุดใหม่นี้ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา ซึ่ง EIC มองว่าพรรคเดโมแครตจะสามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมผ่านกระบวนการ Budget Reconciliation ได้ ภายในไตรมาสแรกปีนี้ อย่างไรก็ดี มาตรการบางประเภท (เช่น การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ) มีโอกาสถูกตัดออกไปสูง และวงเงินของบางมาตรการก็อาจถูกปรับลง (เช่น เงินช่วยเหลือรัฐท้องถิ่น) ทำให้มาตรการที่จะผ่านวุฒิสภาอาจมีขนาดเล็กลงอยู่ที่ราว 1.5 - 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
EIC มองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะมีออกมาเพิ่มเติมจะสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้ ขณะที่ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัวร้อนแรงเกินไปหรืออัตราเงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะสั้นอาจยังมีจำกัด เนื่องจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังไม่ฟื้นตัวกลับสู่ช่วงก่อนเกิดวิกฤต COVID-19 และมาตรการที่คาดว่าจะมีออกมาเพิ่มเติมส่วนใหญ่เป็นการอัดฉีดเม็ดเงินเพียงชั่วคราว (one-off) อย่างไรก็ดี แม้ความเสี่ยงอัตราเงินเฟ้อในระยะสั้นจะสามารถดูแลได้ แต่ก็ยังต้องจับตาความเสี่ยงในระยะปานกลางที่เงินเฟ้ออาจเร่งตัวเร็วขึ้น จากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจะนำมาสู่ความผันผวนทางการเงินได้
ทั้งนี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ทำให้อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ปรับสูงขึ้น อีกทั้ง ยังอาจทำให้การคาดการณ์จากตลาดเกี่ยวกับการลดการผ่อนคลายนโยบายการเงินของ Fed เกิดขึ้นเร็วกว่าคาดได้ ซึ่งจะมีส่วนทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะยาวปรับสูงขึ้น และอาจทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐหยุดอ่อนค่าลงได้ ด้วยเหตุนี้ EIC จึงปรับประมาณการอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 10 ปี ณ สิ้นปี 2021 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.9 - 2.0% (จากเดิม 1.5 - 1.6%) และคงประมาณการค่าเงินบาทในกรอบ 29.5 - 30.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ