TILES INDUSTRY OUTLOOK AND ANALYSIS แนวโน้มอุตสาหกรรมกระเบื้องปูพื้น-บุผนัง

ในปี 2026 ปริมาณการจำหน่ายกระเบื้องปูพื้น-บุผนังในประเทศมีแนวโน้มอยู่ที่ 189 ล้านตารางเมตร (-1.5%YOY) หดตัวต่อเนื่องจากปี 2025

ในปี 2026 ปริมาณการจำหน่ายกระเบื้องปูพื้น-บุผนังในประเทศมีแนวโน้มอยู่ที่ 189 ล้านตารางเมตร (-1.5%YOY) หดตัวต่อเนื่องจากปี 2025 ตามการใช้งานในภาคการก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่ยังคงอ่อนแอ ขณะที่ราคามีแนวโน้มปรับตัวลดลงอยู่ที่ 149 บาท/ตารางเมตร (-1.5%YOY)

ตลาดที่อยู่อาศัยยังคงมีอุปทานหน่วยที่อยู่อาศัยเหลือขายสะสมระดับสูง ส่งผลให้การเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปี 2026 ยังมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง กระทบต่อความต้องการใช้งานกระเบื้องปูพื้น-บุผนังในโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ ซึ่งเป็นอุปสงค์หลักของอุตสาหกรรมกระเบื้องปูพื้น-บุผนัง ให้ปรับตัวลดลงจากปี 2025 นอกจากนี้ ราคากระเบื้องโดยเฉลี่ยมีแนวโน้มปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ 149 บาท/ตารางเมตร (-1.5%YOY) เป็นผลจากต้นทุนราคาพลังงานสำคัญที่ใช้ในกระบวนการผลิตและขนส่งลดลง ท่ามกลางอุปสงค์การใช้งานยังคงอ่อนแอ ทั้งนี้ยังต้องจับตาการจัดโพรโมชันเพื่อส่งเสริมการจำหน่ายในตลาดกระเบื้อง ที่มีการแข่งขันทั้งระหว่างผู้ผลิตกระเบื้องในประเทศ และกระเบื้องนำเข้าจากต่างประเทศที่มีราคาต่ำ จะเป็นปัจจัยกดดันด้านราคาเพิ่มเติม

อุตสาหกรรมการผลิตกระเบื้องปูพื้น-บุผนังของไทยยังต้องเผชิญแรงกดดันจากกระเบื้องนำเข้าราคาถูกจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน, เวียดนาม และอินเดีย

ในปี 2020-2025 กระเบื้องจากต่างประเทศถูกนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยประมาณปีละ 63 ล้านตารางเมตร เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง +3%CAGR โดยเฉพาะการนำเข้ากระเบื้องจากจีน, เวียดนาม และอินเดีย ที่มีราคาโดยเฉลี่ยต่ำกว่ากระเบื้องที่ผลิตในไทยกว่า 6-10% ส่งผลให้สัดส่วนกระเบื้องนำเข้าในตลาดจำหน่ายกระเบื้องในไทยเพิ่มขึ้นจาก 26% ในปี 2020 เป็น 34% ในปี 2025 และคาดว่าจะยังคงมีการนำเข้ากระเบื้องจากต่างประเทศเข้ามาใช้งานอย่างต่อเนื่องในปี 2026 หลังจากที่ผู้ผลิตและส่งออกกระเบื้องในหลายประเทศได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ รวมถึงยังต้องจับตาการนำเข้ากระเบื้องจากอินเดียที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากพื้นที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากไทยทำให้มีความสะดวกด้านการขนส่ง อีกทั้ง ราคาสินค้าต่างจากจีนและเวียดนามไม่มาก

การพัฒนากระเบื้องที่มีคุณสมบัติพิเศษ และกลุ่มพรีเมียม จะช่วยหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคา และรักษาอัตรากำไร

การพัฒนากระเบื้องที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น กระเบื้องกันเชื้อแบคทีเรีย ทนรอยขีดข่วนสำหรับสัตว์เลี้ยง กระเบื้อง Anti-slip สำหรับผู้สูงอายุ กระเบื้องที่มีลวดลายและให้ผิวสัมผัสเสมือนวัสดุจริง อย่างลายไม้ หินอ่อน และแกรนิต เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้ผู้ผลิตไทยสร้างความแตกต่าง และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันท่ามกลางกระเบื้องนำเข้าราคาถูก โดยกระเบื้องเกรดพรีเมียมเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในกลุ่มผู้บริโภค และยังคงใช้สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยระดับราคาปานกลาง-สูงขึ้นไป ซึ่งเน้นคุณภาพ การออกแบบ และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ส่งผลให้ผู้ผลิตกระเบื้องสามารถหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคา และมีอัตรากำไรสูงกว่าตลาดกระเบื้องทั่วไป อีกทั้ง ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์และตำแหน่งการแข่งขันที่ชัดเจนให้กับแบรนด์ รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตกระเบื้องสามารถขยายสู่ตลาดต่างประเทศที่ต้องการสินค้ากลุ่มพรีเมียม นอกจากนี้ การปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิต และการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน ก็ยังช่วยให้ผู้ผลิตกระเบื้องมีอัตรากำไรที่ดีขึ้นจากต้นทุนด้านพลังงานที่ลดลงด้วยเช่นกัน

ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ยอมรับ