SHARE
SCB EIC ARTICLE
11 พฤศจิกายน 2009

Deflation

เงินฝืด เงินฝืด

ผู้เขียน:  พรเทพ ชูพันธุ์

 156279982.jpg

เงินฝืด (Deflation)  

... เงินเฟ้อ 9 เดือนลบติดต่อ พาณิชย์มั่นใจไม่เกิดเงินฝืด คาดเฉลี่ยปีนี้ตามเป้า 0 ถึง -1% "แม้เงินเฟ้อจะติดลบติดต่อกัน 9 เดือน แต่ยังไม่ถือเป็นสัญญาณเงินฝืด เพราะต้องดูปัจจัยเงินเฟ้อพื้นฐานประกอบ ซึ่งติดลบแล้ว 5 เดือน แต่เชื่อว่าเดือนต.ค. เงินเฟ้อพื้นฐานจะเป็นบวก ประกอบกับราคาสินค้าที่ปรับลดลงมีไม่มากหรือลดลง 89 รายการเท่านั้นคิดเป็นสัดส่วน 20% จากราคาสินค้าที่ใช้คำนวณทั้งหมด " รองปลัดกระทรวงพาณิชย์กล่าว

แหล่งที่มา :  NewsCenter (2 ตุลาคม 2552)

เงินฝืดคืออะไร?
เงินฝืด คือภาวะที่ราคาสินค้าโดยทั่วไปลดลงอย่างต่อเนื่อง เกิดจากการที่ประชาชนมีความต้องการซื้อสินค้าและบริการน้อยลง ทำให้ผู้ผลิตต้องลดราคาสินค้าลงเพื่อให้พอขายได้ อาจมีการลดกำลังการผลิต ลดการลงทุน ปลดคนงานออก ผู้บริโภคก็ยิ่งไม่มีกำลังซื้อ หรือยังไม่ตัดสินใจซื้อ เพราะคาดว่าราคาสินค้าจะลดลงอีกในอนาคต ดังนั้น ข้าวของที่ผลิตออกมาก็ขายไม่ได้ การหมุนเวียนของเงินในระบบก็ลดลง ซึ่งสัญญาณเบื้องต้นอย่างหนึ่งที่อาจแสดงให้เห็นเค้าลางของเงินฝืดก็คือการลดลงอย่างต่อเนื่องของราคาสินค้าและบริการ


แล้วจะรู้ได้ไงว่าราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นหรือลดลงเท่าไร?

คำตอบคือ ให้ดูจากประกาศของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีหน่วยงานที่ชื่อ สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า (www.price.moc.go.th) ที่มีหน้าที่สำรวจราคาสินค้าและบริการโดยเฉพาะ โดยจะนำราคาสินค้าที่สำรวจได้มาคำนวนเป็นดัชนีเรียกว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค และประกาศอย่างเป็นทางการทุกวันที่ 1 ของแต่ละเดือน นอกจากนี้ทางสำนักดัชนีฯ ยังนำดัชนีราคาดังกล่าวมาดูว่า เพิ่มขึ้นหรือลดลงเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อนหน้าเท่าไร ซึ่งอัตราการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวถูกเรียกว่า อัตราเงินเฟ้อ

เงินฝืดหรือไม่ดูอย่างไร?

ดูง่ายๆ ได้จากอัตราเงินเฟ้อติดลบที่เกิดจากดัชนีราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงราคาสินค้าและบริการทั่วไปที่ลดลงเรื่อยๆ แต่ต้องระวัง เพราะตัวเลขเงินเฟ้อที่ติดลบตามหน้าหนังสือพิมพ์อาจไม่ได้แปลว่าเงินฝืดเสมอไป เช่นเมื่อเดือน กรกฎาคม ที่ผ่านมา ตัวเลขเงินเฟ้อติดลบสูงถึง 4.4% ซึ่งนับว่าติดลบติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 ในเวลานั้น และยังนับว่าติดลบหนักที่สุดในรอบกว่า 10 ปี แต่นักเศรษฐศาสตร์หลายๆ คนออกมายืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ใช่ภาวะเงินฝืด 


ทำไมเงินเฟ้อติดลบกว่า 4% ในเดือนกรกฎาคม แต่ไม่เรียกว่าเงินฝืด?

ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์เป็นการคิดแบบเทียบราคาสินค้าในเดือนปัจจุบันกับเดือนเดียวกันในปีก่อนหน้า ดังนั้น ตัวเลขเงินเฟ้อที่ติดลบมากๆ อาจเกิดจากราคาสินค้าที่สูงผิดปรกติในปีก่อนหน้าก็ได้ เช่นราคาสินค้าในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วสูงผิดปกติโดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาน้ำมัน ( ดูรูปที่ 1 ) ทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมปีนี้ติดลบถึงกว่า 4% ซึ่งถ้าจะดูว่าเงินฝืดหรือไม่ก็ต้องกลับมาดูที่ระดับราคาสินค้าและบริการตั้งแต่ต้นปี ซึ่งพบว่าเพิ่มขึ้นมาตลอด ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นจาก 102 จุด ในเดือนมกราคมมาเป็น 105 จุดในเดือนกรกฎาคม ดังนั้นจึงไม่น่าจะเข้าข่ายเงินฝืด นอกจากนี้การจับจ่ายใช้สอยของภาคเอกชนก็มีการฟื้นตัวตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ดังนั้นจึงยืนยันได้ว่าเราไม่ได้เผชิญกับภาวะเงินฝืดแต่อย่างใด 

รูปที่ 1:    : ดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งเป็นที่มาของตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปตามพาดหัวข่าว 

1067_20100721153759.jpg

หมายเหตุ: ตัวเลข % แสดงความแตกต่างระหว่างดัชนีราคาฯ เทียบกับปีก่อนหน้า หรือที่เรียกว่าเงินเฟ้อทั่วไป
ที่มา:  กระทรวงการคลัง, การวิเคราะห์โดย SCB EIC


แล้วภาวะเงินฝืดของแท้เป็นอย่างไร?

ตัวอย่างเงินฝืดที่ชัดเจนก็เช่นที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น ซึ่งเงินเฟ้อที่ติดลบ ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน การบริโภคก็ไม่ฟื้น ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นภาวะเงินฝืดขั้นรุนแรง (Deflationary spiral) หรืออาจเรียกง่ายๆ ว่า "วงจรอุบาทว์เงินฝืด" ซึ่งจะทำลายความต้องการจับจ่ายใช้สอยในประเทศลงได้อย่างมาก เพราะเมื่อมีแนวโน้มเรื่องเงินฝืด ประชาชนก็จะคิดว่าราคาสินค้าน่าจะลดลงในอนาคต ทำให้ชะลอการใช้จ่ายไว้ก่อน สินค้าก็ยิ่งขายไม่ออก ผู้ผลิตต้องลดราคาลงมาเพื่อให้พอขายได้ ตามมาด้วยการลดการผลิต ปลดคนงาน ประชาชนก็ขาดรายได้ ไม่มีกำลังซื้อ ของก็ยิ่งขายไม่ออก ต้องลดราคาลงอีก วนเป็นวงจรอุบาทว์ที่ยากจะแก้ไขได้


อะไรเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะเงินฝืด?

ต้นเหตุของภาวะเงินฝืดอาจมาจากสาเหตุที่ทำให้คนขาดกำลังซื้อ ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทำให้คนตกงาน ขาดรายได้ หรือรัฐเก็บภาษีมากเกินไปคนไม่มีเงินใช้จ่าย เป็นต้น หรืออาจมาจากสาเหตุที่ทำให้สภาพคล่องทางการเงินเกิดการตึงตัว ได้แก่ธนาคารกลางดูดซับสภาพคล่องในระบบมากเกินไป หรือมีการไหลออกของเงินตรามากและธนาคารกลางไม่ดูแลสภาพคล่องให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม หรือธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อ เป็นต้น


ใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์ จากภาวะเงินฝืด?

โดยทั่วไปเงินฝืดมักมากับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและไม่ค่อยจะมีใครได้ประโยชน์จากสภาวะดังกล่าวเท่าไร แต่ถ้าจะให้มองหาผู้ได้ประโยชน์ก็อาจได้แก่ คนที่มีรายได้ตายตัวแน่นอน เช่น ผู้เกษียณอายุที่มีรายได้จากเงินบำนาญ เจ้าหนี้ผู้ได้รับดอกเบี้ยแบบอัตราคงที่ หรือผู้ให้เช่าที่อยู่อาศัยที่มีรายได้แน่นอน (ไม่นับความเสี่ยงเรื่องราคาอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำ) ซึ่งบุคคลเหล่านี้มีรายรับแน่นอนแต่ข้าวของมีราคาถูกลงทำให้ซื้อสินค้าได้มากขึ้น


เงินเฟ้อจะติดลบถึงเมื่อไหร่?

ดูจากรูปเราอาจพอประมาณได้ว่าดัชนีราคาปีนี้ จะกลับมาสูงกว่าดัชนีราคาปีที่แล้วในเดือนตุลาคม (กราฟตัดกัน) ดังนั้นตัวเลขเงินเฟ้อที่ติดลบอยู่ตอนนี้น่าจะกลายเป็นบวกได้ในเดือนตุลาคม ส่วนเงินเฟ้อจะกลับมาสูงแค่ไหน เมื่อไหร่ และมีผลต่อเศรษฐกิจอย่างไร เรามาติดตามต่อในฉบับหน้า ซึ่งเท่าที่ดูคร่าวๆ น่าจะได้เห็นตัวเลขเงินเฟ้อขึ้นไปแตะระดับ 3-4% กันภายในสิ้นปีนี้

 

ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ยอมรับ