เผยแพร่ใน EIC Outlook ฉบับไตรมาส 1/2021 คลิกอ่านฉบับเต็ม
ราคาน้ำมัน (USD/บาร์เรล)
|
2020
|
2021F |
(ค่าเฉลี่ย) |
Q1 |
Q2 |
Q3 |
Q4 |
เฉลี่ย |
Q1 |
Q2 |
Q3 |
Q4F |
เฉลี่ย* |
ช่วงราคา** |
ราคาน้ำมันดิบ WTI
|
46 |
28 |
41 |
43 |
39 |
57 |
57 |
58 |
59 |
58 |
54-61 |
ราคาน้ำมันดิบ Brent |
51 |
32 |
43 |
45 |
43 |
59 |
60 |
62 |
64 |
61 |
57-64 |
*ประมาณการราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยต่อปี กรณีฐาน โดย EIC
**ช่วงราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปี 2021 กรณีฐาน ประมาณการโดย Leading global houses 4 ราย (ณ 17 ก.พ. 2021)
EIC’s view: Bulls
ราคาน้ำมันดิบอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยเมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ราคาน้ำมันดิบสามารถปรับระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือน โดยกลับมาเท่ากับราคาช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 แล้ว ที่ระดับ 63 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (เพิ่มขึ้น 24% เทียบกับราคา ณ วันที่ 1 มกราคม 2021) EIC มองว่าในไตรมาส 1 ปี 2021 ตลาดน้ำมันมีปัจจัยบวกมากกว่าปัจจัยลบ โดยการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันจะเป็นปัจจัยสนับสนุนหลักของราคาน้ำมันดิบ ซึ่งได้รับอานิสงส์จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การเดินทาง การขนส่งสินค้าที่เติบโตสูงขึ้นหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลาย ทั้งนี้จำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทั่วโลกมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับปี 2020 อีกทั้งประเทศต่าง ๆ ได้ทยอยฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ทำให้มีความคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวเร็วขึ้น นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันใหญ่ที่สุดของโลก จะช่วยเยียวยาภาคธุรกิจ และครัวเรือนให้มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อความต้องการใช้น้ำมัน
ในขณะที่ฝั่งอุปทานน้ำมันมีแนวโน้มหดตัว โดยกลุ่ม OPEC+ ยังคงร่วมมือกันลดปริมาณการผลิตน้ำมันรวม 7.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน แม้ว่า OPEC+ จะค่อย ๆ ผ่อนคลายการลดปริมาณการผลิตมาตั้งแต่ปลายปี 2020 แต่ซาอุฯ ยอมลดปริมาณการผลิตโดยสมัครใจเพิ่มอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถึงเดือนเมษายนนี้ นอกจากนี้ การผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลง ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากการตัดงบลงทุนของบริษัทน้ำมันในสหรัฐฯ จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตกต่ำเมื่อปี 2020 อีกทั้งสภาพอากาศที่หนาวจัดในช่วงต้นปี 2021 ทำให้หลุมขุดเจาะน้ำมันบางแห่งต้องปิดตัวลง เพราะน้ำที่ได้ออกมากับน้ำมันจะกลายเป็นน้ำแข็งเกาะและเป็นอันตรายต่อเครื่องจักร ส่งผลให้โดยรวมแล้วในไตรมาส 1 นี้ ตลาดน้ำมันโลกมีอุปสงค์มากกว่าอุปทานอยู่ราว 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ผลักดันให้ราคาน้ำมันปรับระดับสูงขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตากลุ่ม OPEC+ เรื่องข้อตกลงการลดปริมาณการผลิตว่าจะยังดำเนินต่อไปหรือไม่ ซึ่งหลายประเทศ เช่น รัสเซีย มีความต้องการที่จะเพิ่มการผลิตเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดของตัวเอง นอกจากนี้ การแพร่ระบาดระลอกใหม่ การกลายพันธุ์ของเชื้อ COVID-19 และความไม่แน่นอนของประสิทธิภาพวัคซีน COVID-19 จะเป็น downside risk ให้กับราคาน้ำมัน
|
BULLs |
BEARs |
-
ในไตรมาส 1 ปี 2021 ตลาดน้ำมันมีอุปสงค์มากกว่าอุปทาน จากการฟื้นตัวของความต้องการน้ำมันทั่วโลก จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อราคาน้ำมันดิบ อุปสงค์น้ำมันเพิ่มสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2021 โดยสำนักสารสนเทศด้านพลังงาน หรือ EIA1 คาดการณ์ว่าในไตรมาส 1 นี้ อุปสงค์น้ำมันโลกจะขยายตัว 0.5%YOY มาอยู่ที่ราว 95.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะที่อุปทานน้ำมันโลกจะหดตัวที่ -7%YOY มาอยู่ที่ระดับ 93.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้ตลาดน้ำมันในไตรมาส 1 นี้ เกิดการขาดแคลนอุปทานน้ำมัน (deficit) โดยมีอุปทานน้อยกว่าอุปสงค์อยู่ราว 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2021
-
ซาอุดีอาระเบียลดปริมาณการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถึงเดือนเมษายน 2021 เพื่อลดจำนวนปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่สะสมเพิ่มขึ้นมาในช่วงการระบาดของ COVID-19 ซาอุฯ ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในกลุ่ม OPEC มีแผนลดการผลิตน้ำมันลงเหลือที่ระดับ 8.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากโควต้าการผลิตที่ 9.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เริ่มกุมภาพันธ์–เมษายนนี้ ซึ่งเป็นการลดปริมาณการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมจากข้อตกลงของ กลุ่ม OPEC และพันธมิตร (OPEC+) ที่จะลดปริมาณการผลิตน้ำมันรวม 7.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน (7% ของอุปทานน้ำมันโลก)
-
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มหดตัวจากการตัดงบลงทุนของบริษัทน้ำมันในปีก่อนหน้า และสภาพอากาศที่หนาวเย็นเฉียบพลัน ในขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนความต้องการน้ำมัน EIA ประเมินปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในไตรมาส 1 ปี 2021 จะหดตัวถึง -14%YOY มาอยู่ที่ 10.98 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่ในช่วงที่เหลือของปีปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจะค่อยๆ ฟื้นตัว โดยเฉลี่ยทั้งปี 2021 ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จะอยู่ที่ระดับ 11.02 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือหดตัว -3%YOY ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากการตัดงบลงทุนของบริษัทน้ำมันสหรัฐฯ ในปี 2020 ที่ราคาน้ำมันตกต่ำรุนแรงจาก COVID-19 นอกจากนี้ สภาพอากาศที่หนาวเย็นเฉียบพลันทางตอนใต้ของสหรัฐฯ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ทำให้หลุมขุดเจาะบางแห่งต้องปิดตัว ส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตน้ำมันราว 0.5-2.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน สำหรับด้านอุปสงค์น้ำมันของสหรัฐฯ ได้แรงสนับสนุนจากความคาดหวังในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่คาดว่าจะช่วยเพิ่มการจ้างงานในสหรัฐฯ กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน หนุนความต้องการใช้น้ำมันให้ฟื้นตัวขึ้น
|
-
ปริมาณน้ำมันคงคลังของกลุ่มประเทศ OECD ยังอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิด COVID-19 จะเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมัน การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ความต้องการน้ำมันลดลงอย่างรุนแรงในปี 2020 ส่งผลให้เกิดการสะสมของปริมาณน้ำมันคงคลังมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง EIA คาดการณ์ว่าในไตรมาส 1 ปี 2021 จำนวนน้ำมันคงคลังของกลุ่ม OECD จะอยู่ที่ระดับ 2,984 ล้านบาร์เรล หรือมีการเติบโตที่ 2.4%YOY สำหรับปริมาณเฉลี่ยทั้งปี 2021 คาดว่าจะอยู่ที่ 2,972 ล้านบาร์เรล ซึ่งถือว่ายังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปี 2019 ที่มีปริมาณน้ำมันคงคลังที่ 2,900 ล้านบาร์เรล
-
อุตสาหกรรมการบินยังซบเซา การเดินทางท่องเที่ยวยังไม่กลับมาเป็นปกติ ส่งผลให้การเติบโตของอุปสงค์น้ำมันอากาศยานยังค่อนข้างจำกัด ประเทศต่าง ๆ ยังมีกฎระเบียบเรื่องการเดินทางเข้าประเทศ เช่น ต้องแสดงเอกสารผลการตรวจเชื้อ COVID-19 ต้องกักตัวตามระยะเวลาที่กำหนด ประชาชนยังคงเดินทางเฉพาะที่จำเป็น ส่งผลให้อุตสาหกรรมการบินยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้เท่ากับช่วงก่อนเกิด COVID-19 ทั้งนี้ ICAO ประเมินจำนวนผู้โดยสารของสายการบินทั่วโลก ในไตรมาส 1 นี้ เทียบกับจำนวนในปี 2019 (ก่อนเกิด COVID-19) จะยังลดลงราว 665-685 ล้านคน (หดตัวในช่วง -64.6% ถึง -66.5%) เป็นปัจจัยกดดันต่อความต้องการใช้น้ำมันอากาศยาน
|