SHARE

ธุรกิจกำจัดกากขยะ โอกาสที่มาพร้อมกับการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC

ขยะยังคงเป็นปัญหาระดับประเทศที่ต้องได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง



iStock-1078398986.jpg

ขยะยังคงเป็นปัญหาระดับประเทศที่ต้องได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง แม้การจัดการขยะอย่างถูกวิธีตามหลักวิชาการจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ยังคงไม่เพียงพอต่อปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน จากข้อมูลโดยกรมควบคุมมลพิษระบุว่า ในปี 2561 ประเทศไทยมีปริมาณขยะกว่า 50.6 ล้านตัน มาจากชุมชน (56%) อุตสาหกรรม (43%) และสถานพยาบาล (1%) แม้กากอุตสาหกรรมจะมีปริมาณไม่มากเท่ากับขยะจากชุมชน เเต่นับเป็นขยะที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง ต้องได้รับการจัดการที่เหมาะสม ซึ่งกากอุตสาหกรรมสามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ กากของเสียไม่อันตราย คิดเป็นกว่า 95 % ของปริมาณกากอุตสาหกรรมทั้งหมด เช่น กากอ้อย เศษเหล็ก กากน้ำตาล เถ้าลอย และกากของเสียอันตราย เช่น ตะกอนจากระบบบำบัดน้ำเสีย น้ำกรดจากการกัดผิวเหล็ก น้ำทิ้ง น้ำมันหล่อลื่นใช้แล้ว เป็นต้น 

กากอุตสาหกรรมจำเป็นต้องได้รับการจัดการที่รัดกุม ซึ่งแตกต่างกันไปตามประเภทขยะ และข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกากของเสียอันตราย ที่มีเงื่อนไขในการติดตามตั้งแต่แหล่งกำเนิดขยะ การขนส่งอย่าง ระบบเอกสารกำกับการขนส่งของเสียอันตราย (Manifest System)  รวมถึงการบำบัด ซึ่งนอกจากจะมีการกำหนดคุณสมบัติในการรับเข้าบำบัดแล้ว ยังต้องใช้เทคโนโลยีการกำจัดที่เหมาะสมด้วย สำหรับกากอุตสาหกรรมที่ไม่อันตรายแม้จะไม่มีข้อบังคับมากเท่ากากอุตสาหกรรมอันตราย แต่ก็จำเป็นที่จะต้องตั้งอยู่บนพื้นที่ที่เหมาะสม รวมถึงมีการบริหารจัดการพื้นที่กำจัดอย่างรัดกุม รวมถึงด้านความปลอดภัย เพราะมีโอกาสที่จะปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมหรือเป็นสาเหตุให้เกิดอันตรายได้เช่นไฟไหม้ได้ 

ในปี 2562 จากข้อมูลโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมระบุว่า ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC มีปริมาณกากขยะอุตสาหกรรมที่ไม่ใช้แล้วอยู่ที่่ประมาณ 2 แสนตัน ส่วนใหญ่เป็นประเภทของเสียไม่อันตราย (คิดเป็นกว่า 70%) ซึ่งกากขยะอุตสาหกรรมพบได้มากที่สุดในจังหวัดระยอง คิดเป็น 51% ของปริมาณกากขยะจากอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC ทั้งหมด

จากการสนับสนุนของภาครัฐให้ลงทุนเพิ่มเติมในพื้นที่ EEC เริ่มส่งผลให้มีจำนวนโครงการที่ได้ขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปี 2562 เพิ่มขึ้นกว่า 32%YOY โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมาย อย่าง อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ EIC คาดว่าปริมาณกากขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ดังกล่าวจะขยายตัวทั้งประเภทอันตรายและไม่อันตราย และจะมีความต้องการในการกำจัดกากอุตสาหกรรมในพื้นที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย 

อย่างไรก็ดี ธุรกิจกำจัดกากอุตสาหกรรม เป็นธุรกิจที่มี barrier of entry สูง เนื่องจากจำเป็นต้องมีความรู้ และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อระบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบการขนส่ง ระบบคัดแยกและแปรรูป ระบบบำบัด และอื่น ๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงในการขนส่งกากขยะอุตสาหกรรมมายังโรงบำบัดโดยเฉพาะกากขยะอันตรายที่การขนส่งต้องเป็นไปอย่างรัดกุม ตรงตามที่กฎหมายกำหนด ทางภาครัฐได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงกำหนดนโยบายเพื่อผลักดันให้เกิดการลงทุน โดยให้ผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากขยะ โรงงานที่มีกระบวนการแปรรูปเพิ่มเติมและกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) สามารถได้รับการยกเว้นอากร ทั้งการนำเข้าเครื่องจักร การนำเข้าเพื่อวิจัยและพัฒนา วัตถุดิบผลิตเพื่อส่งออก และยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี ขณะที่โรงงานคัดแยกขยะสามารถยกเว้นได้ 5 ปี ทั้งนี้คาดว่านโยบายส่งเสริมจากภาครัฐจะสามารถแบ่งเบาค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงในธุรกิจดังกล่าว สามารถกระตุ้นให้เกิดการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของการจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ทั้งยังส่งผลให้คุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย และคนทำงานในพื้นที่ EEC ดีขึ้นอีกด้วย

                                            

เผยแพร่ในกรุงเทพธุรกิจ คอลัมน์ smart eec วันที่ 13 เมษายน 2020

ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ยอมรับ