SHARE
OUTLOOK:BULL-BEAR
20 มกราคม 2020

BULL-BEAR: ราคาน้ำมัน (ไตรมาส 1/2020)

ราคาน้ำมันดิบในไตรมาสที่ 1 ปี 2020 มีแนวโน้มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน

เผยแพร่ใน EIC Outlook ฉบับไตรมาส 1/2020 คลิกอ่านฉบับเต็ม 

 

 

ราคาน้ำมัน 
(USD/บาร์เรล)

2018

2019

2020F
(ค่าเฉลี่ย)  เฉลี่ย Q1 Q2 Q3 Q4 เฉลี่ย Q1 Q2 Q3 Q4F เฉลี่ย* ช่วงราคา**

ราคาน้ำมันดิบ WTI

65

55 60 56 57 57 61 60 60 59 60 55-62
ราคาน้ำมันดิบ Brent 71 63 68 62 63 64 66 65 65 64 65 61-68


 ประมาณการราคาน้ำมันดิบโดย EIC
**ช่วงราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยต่อปี กรณีฐาน ซึ่งประมาณการโดย Leading global houses 5 ราย (ณ 9 มกราคม 2020)

 

EIC’s view: Bulls

 

ราคาน้ำมันดิบในไตรมาสที่ 1 ปี 2020 มีแนวโน้มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน แม้ว่าปัจจัยพื้นฐานในใตรมาสที่ 1 นี้ ตลาดน้ำมันโลกยังมีอุปทานส่วนเกินอยู่ราว 3.2 หมื่นล้านบาร์เรลต่อวัน โดยอุปทานน้ำมันที่เพิ่มขึ้นหลักๆ มาจากการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่ม Non-OPEC โดยเฉพาะผู้ผลิตน้ำมันจากสหรัฐฯ มีแนวโน้มการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึงกว่า 13 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่อุปทานส่วนเกินดังกล่าวถือได้ว่าเป็นปริมาณที่น้อยเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2019 ที่มีอุปทานส่วนเกินถึง 6 แสนบาร์เรลต่อวัน ดังนั้น หากไม่มีสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2020 ราคาน้ำมันควรจะลดลงหรือทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่สหรัฐฯ สังหารนายพล คาเซ็ม ซูลีมานี เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2020 ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Brent พุ่งขึ้นทันที 4% จาก 66.6 เป็น 69 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (เทียบกับวันก่อนหน้า) แล้วค่อยๆ ปรับลดลงมาหลังสถานการณ์ผ่อนคลายลงเมื่อทรัมป์ประกาศจะไม่ตอบโต้อิหร่านที่ใช้ขีปนาวุธยิงฐานทัพสหรัฐฯ ที่อิรัก ในวันที่ 8 มกราคม ซึ่งความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน ยังคงเป็นความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้เกิด risk premium ในราคาน้ำมันหนุนให้ราคายังคงอยู่ในระดับสูง อีไอซีจึงประเมินว่าราคาน้ำมันในไตรมาส 1 ปี 2020 จะปรับระดับสูงขึ้นมาอยู่ที่ราว 66 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยเฉลี่ย (6.5% QoQ) แล้วค่อยๆ ปรับลดลงมาในช่วงครึ่งปีหลังตามลำดับ

สำหรับราคาน้ำมันดิบ Brent เฉลี่ยทั้งปี 2020 มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 64 มาอยู่ที่ 65 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เทียบกับปีก่อนหน้า โดยราคาน้ำมันช่วงต้นปีอยู่ในระดับสูงจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ได้กล่าวมา และจากการที่กลุ่ม OPEC และพันธมิตร ลดปริมาณการผลิตเพิ่มเติมจาก 1.2 เป็น 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน รวมถึงอุปสงค์น้ำมันของโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี 2020 คาดว่าราคาน้ำมันดิบค่อยๆ ปรับลดลง จากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านที่น่าจะผ่อนคลายลงมากกว่าในช่วงต้นปี ในขณะที่ตลาดน้ำมันเฉลี่ยทั้งปี 2020 ยังมีอุปทานส่วนเกินราว 1.4 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณที่มากกว่าปีก่อนหน้า จึงเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมันไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นได้มาก

อีไอซีมองว่าตลาดน้ำมันยังมีความเสี่ยงด้านบวก ได้แก่ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน หากยืดเยื้อและเกิดความรุนแรงจนถึงขั้นปิดช่องแคบฮอร์มุซจะทำให้ราคาน้ำมันทะยานสูงขึ้นได้อีก รวมทั้ง OPEC อาจขยายเวลาการลดปริมาณการผลิตน้ำมันต่อไปอีกจากเดือนมีนาคม 2020 ซึ่งจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันลดลง สำหรับความเสี่ยงด้านลบยังค่อนข้างน้อย ซึ่งแม้สหรัฐฯ จะเพิ่มการขุดเจาะปริมาณ shale oil แต่แนวโน้มการขยายตัวเป็นไปในทิศทางชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับ 5 ปีย้อนหลัง



 

BULLs BEARs
  • OPEC ลดปริมาณการผลิตเพิ่มมากขึ้นอีกจาก 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็น 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากการประชุมของกลุ่ม OPEC และพันธมิตรนำโดยรัสเซีย เมื่อวันที่ 5-6 ธันวาคม 2019 ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย มีมติลดปริมาณการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมจาก 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็น 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เริ่มเดือน มกราคม - มีนาคม 2020
    โดยกลุ่ม OPEC และพันธมิตรตกลงจะลดปริมาณการผลิตรวมเท่ากับ 1.2 และ 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ ลดเพิ่มจากระดับเดิมที่ 0.8 และ 0.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ เพื่อทำให้ปริมาณอุปสงค์และอุปทานน้ำมันในตลาดโลกเข้าใกล้สมดุลในปี 2020

  • สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน ตึงเครียดมากขึ้น กองทัพสหรัฐฯ สังหารนายพล คาเซ็ม ซูลีมานี (Qassem Soleimani) ผู้บัญชาการระดับสูงของอิหร่าน เนื่องจากสหรัฐฯ เชื่อว่าคาเซ็มเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อการร้ายและสงครามต่างๆ ล่าสุดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ อ้างว่าคาเซ็มกำลังวางแผนสังหารนักการทูต ข้าราชการสหรัฐฯ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในอิรักและประเทศในตะวันออกกลาง ส่งผลให้อิหร่านตอบโต้โดยใช้ขีปนาวุธโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ที่อิรัก แต่ไม่มีชาวอเมริกันเสียชีวิต และไม่เกิดความเสียหายต่อโรงงานน้ำมัน แม้ว่าสถานการณ์จะผ่อนคลายลงหลังประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศจะไม่ตอบโต้อิหร่าน แต่ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านยังคงเป็นความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่จะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับระดับสูงขึ้น หากอุปทานน้ำมันในตะวันออกกลางได้รับผลกระทบ

  • อุปทานน้ำมันมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ เศรษฐกิจโลกปี 2020 มีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้นจะส่งผลดีต่อความต้องการใช้น้ำมันโลก ทั้งนี้ IMF คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกปี 2020 อยู่ที่ 3.4% สูงขึ้นจากปี 2019 ที่อยู่ที่ระดับ 3% สอดคล้องกับสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ที่ประเมินว่าอุปสงค์น้ำมันปี 2020 จะเติบโตสูงขึ้นมากกว่าปีก่อนหน้า โดยในปี 2020 อุปสงค์น้ำมันโลกจะอยู่ที่ระดับ 102.15 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขยายตัว 1.4%YOY ซึ่งในปี 2019 อุปสงค์น้ำมันเติบโตเพียง 0.7%

  • ตลาดน้ำมันโลกในไตรมาส 1 ปี 2020 ยังมีอุปทานส่วนเกิน จึงเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาน้ำมันดิบ ทั้งนี้ EIA คาดการณ์ว่าอุปทาน และอุปสงค์น้ำมันดิบทั่วโลกในไตรมาส 1 ปี 2020 จะอยู่ที่ระดับ 101.2 และ 101.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้มีอุปทานส่วนเกิน
    อยู่ราว3.2 หมื่นบาร์เรลต่อวัน แต่ยังน้อยกว่าอุปทานส่วนเกินในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2019 ที่มีปริมาณถึง 6 แสนบาร์เรลต่อวัน สำหรับอุปทาน และอุปสงค์น้ำมันดิบเฉลี่ยทั้งปี 2020 คาดว่าจะมีปริมาณ 102.28 และ102.15 ตามลำดับ ทำให้มีอุปทานส่วนเกินในปี 2020 อยู่ราว 1.4 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งมีปริมาณมากกว่าอุปทานส่วนเกินในปี 2019 ที่อยู่ที่ระดับ 1 แสนบาร์เรลต่อวัน

    • ปริมาณน้ำมันดิบในสหรัฐฯ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยไตรมาสที่ 1 ปี 2020 EIA ประเมินว่าสหรัฐฯ จะผลิตน้ำมันดิบที่ 13.12 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขยายตัวถึง 11%YOY สำหรับการผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ยทั้งปี 2020 จะมีปริมาณราว 13.18 ล้านบาร์เรลต่อวัน คิดเป็นอัตราการเติบโต 8%YOY นอกจากนี้ ท่อส่งน้ำมันที่เริ่มเปิดดำเนินการในช่วงครึ่งหลังของปี 2019 และปี 2020 จะทำให้สหรัฐฯ ส่งออกน้ำมันดิบได้มากขึ้น

 

ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ยอมรับ