SHARE
OUTLOOK:CLMV ECONOMY
08 ตุลาคม 2019

กัมพูชาและความเสี่ยงการโดนเพิกถอน EBA จาก EU ในปี 2020

สิทธิพิเศษ Everything But Arms (EBA) สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจกัมพูชาอย่างไร?

เผยแพร่ใน EIC Outlook ฉบับไตรมาส 4/2019 คลิกอ่านฉบับเต็ม 

 

iStock-641703580.jpg


สิทธิพิเศษ Everything But Arms (EBA) สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจกัมพูชาอย่างไร?

Everything But Arms หรือ EBA คือสิทธิพิเศษทางการค้าสูงสุดจากประเทศที่พัฒนาแล้ว (รูปที่ 3) ที่ยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าและยกเลิกการกำหนดโควตานำเข้าให้แก่สินค้านำเข้าที่มีแหล่งกำเนิดมาจากกลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (Least Developed Countries: LDCs) ซึ่งรวมถึงกัมพูชาด้วย โดยครอบคลุมสินค้าทุกประเภทยกเว้นอาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจกลุ่มประเทศ LDCs โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก สิทธิพิเศษ EBA จากสหภาพยุโรปเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตเพื่อการส่งออกของกัมพูชาขยายตัวอย่างก้าวกระโดดในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและรองเท้าซึ่งกลายเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจกัมพูชา ด้วยมูลค่าของอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและรองเท้าเพียงอย่างเดียวคิดเป็น 40% ของเศรษฐกิจกัมพูชา หรือคิดเป็นแหล่งที่มาราว 2% ของการเติบโตของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ การส่งออกสินค้าเครื่องนุ่งห่มและรองเท้ายังมีสัดส่วนสูงที่สุดถึง 75% ของการส่งออกทั้งหมดในปี 2018 สร้างการจ้างงานให้กับคนกัมพูชาราว 1 ล้านคน และยกระดับความเป็นอยู่ของคนกัมพูชาราว 33% ของประชากรทั้งประเทศพ้นจากความยากจนจากประมาณการของธนาคารโลก อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและรองเท้ามีแนวโน้มชะลอตัวในระยะข้างหน้า สะท้อนจากการขยายตัวของการส่งออกเครื่องนุ่งห่มและรองเท้าที่ลดลงจาก 30%YOY ในปี 2010 เหลือ 9.5%YOY ในปี 2017 และการลงทุนจากต่างชาติในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและรองเท้าที่มีสัดส่วนลดลงจาก 28% ในปี 2014 เหลือเพียง 4% ในปี 2018 โดยมีสาเหตุหลักส่วนหนึ่งมาจากความเป็นไปได้ในการสูญเสียสิทธิพิเศษ EBA จากสหภาพยุโรปซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุด

Outlook_Q4_2019_CD1.jpg

การสูญเสียสิทธิพิเศษ EBA จะกระทบต่อเศรษฐกิจกัมพูชาอย่างไร?

แม้ว่าสิทธิพิเศษ EBA จะไม่มีกำหนดวันหมดอายุ แต่สหภาพยุโรปสามารถเพิกถอนสิทธิพิเศษนี้ได้ภายใต้ 3 หลักเกณฑ์ คือ
1) การตัดสิทธิรายประเทศ หากประเทศผู้รับผลประโยชน์เลื่อนขั้นจากการเป็นประเทศพัฒนาน้อยที่สุด
2) การตัดสิทธิรายประเทศ หากประเทศผู้รับผลประโยชน์ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรงภายใต้กฎหมายของสหประชาชาติ (มาตรา 19)
3) การตัดสิทธิเป็นรายสินค้า หากสินค้าจากประเทศผู้รับผลประโยชน์ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตและตลาดภายในของสหภาพยุโรป

ในกรณีของกัมพูชายังคงสถานะการเป็นประเทศพัฒนาน้อยที่สุดตามเกณฑ์ของสหประชาชาติ แต่สหภาพยุโรปได้เริ่มกระบวนการถอนสิทธิพิเศษ EBA แล้วในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 เนื่องจากปัญหาด้านสิทธิแรงงานที่มีมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ ชัยชนะของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2018 ที่เป็นไปอย่างไม่โปร่งใสและนำไปสู่การปกครองแบบระบบพรรคการเมืองเดียว ทำให้สหภาพยุโรปเริ่มกระบวนการถอนสิทธิพิเศษ EBA อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้หากรัฐบาลกัมพูชาไม่มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาข้างต้นที่เป็นรูปธรรมในระยะเวลา 18 เดือน อาจทำให้กัมพูชาสูญเสียสิทธิพิเศษ EBA อย่างถาวรในเดือนสิงหาคม 2020 (รูปที่ 4)

Outlook_Q4_2019_CD2.jpg

รัฐบาลกัมพูชาปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจกัมพูชาลงจากเดิม 7.1% เหลือ 6.5% ในปี 2020 โดยคำนึงถึงกรณีที่สิทธิพิเศษ EBA จากสหภาพยุโรปถูกเพิกถอน
เศรษฐกิจกัมพูชาจะได้รับผลกระทบที่รุนแรงจากการพึ่งพาเศรษฐกิจสหภาพยุโรปในระดับสูง โดยเฉพาะสหภาพยุโรปเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดด้วยสัดส่วนกว่า 40% ของการส่งออกทั้งหมดของกัมพูชา และกัมพูชาเป็นผู้ใช้ประโยชน์จาก EBA ของสหภาพยุโรปสูงเป็นอันดับสอง โดยสินค้าส่งออกสำคัญของกัมพูชาไปยังสหภาพยุโรปประกอบด้วย เครื่องนุ่งห่ม (78% ของการส่งออกไปสหภาพยุโรป) รองเท้า (13%) และจักรยาน (6%) ซึ่งหากการถอนสิทธิพิเศษ EBA มีผลบังคับใช้ สินค้าดังกล่าวจะถูกเรียกเก็บภาษีที่อัตรา 12% 16% และ 10% ตามลำดับ ส่งผลให้ผู้ส่งออกกัมพูชาเสียภาษีไม่ต่ำกว่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีและลดความสามารถในการแข่งขันเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค อย่างไรก็ดี การถอนสิทธิพิเศษ EBA จากสหภาพยุโรปอาจเป็นปัจจัยเร่งการปฏิรูปเศรษฐกิจกัมพูชาภายใต้แผนพัฒนาอุตสาหกรรมปี 2015 – 2025 โดยรัฐบาลตั้งเป้าปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ลดการพึ่งพาการส่งออกเครื่องนุ่งห่มและรองเท้าให้เหลือเพียง 50% ภายในปี 2025 และส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ทดแทน รวมถึงอุตสาหกรรมเกษตร อุตสาหกรรมการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าสูงและอุตสาหกรรมสนับสนุนเพื่อทดแทนการนำเข้า เพิ่มความหลากหลายของสินค้าส่งออก และเชื่อมต่ออุตสาหกรรมของกัมพูชาเข้ากับห่วงโซ่อุปทานของภูมิภาคในระยะต่อไป ในขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้กลายเป็นธุรกิจขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จากจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ธุรกิจการท่องเที่ยวของกัมพูชายังมีศักยภาพขยายตัวได้อีกในระยะข้างหน้าทั้งจากความน่าสนใจของสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาและโอกาสในหลายธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ตัวแทนท่องเที่ยวและบริการขนส่ง
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ยอมรับ