ภาพรวมเศรษฐกิจโลก (ไตรมาส 1/2018)
เผยแพร่ใน EIC Outlook ฉบับไตรมาส 1/2018 คลิกอ่านฉบับเต็ม
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจโลก ปี 2018
เศรษฐกิจโลกในปี 2018 มีแนวโน้มขยายตัวดีสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน (synchronized growth) ในทุกภูมิภาคหลักจากภาวะการค้าโลกที่ดีต่อเนื่องและการบริโภคภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง ภาวะการค้าโลกที่ฟื้นตัวต่อเนื่องทำให้ภาคการส่งออกเป็นแรงสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในหลายภูมิภาคทั่วโลกต่อไปได้ ประกอบกับแรงส่งจากการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่งจากตลาดแรงงานในกลุ่มประเทศหลักที่เริ่มเข้าสู่ภาวะการจ้างงานเต็มที่ อย่างไรก็ดี แม้เศรษฐกิจโลกโดยรวมจะเติบโตต่อเนื่องอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแบบไม่ร้อนแรง (goldilock) แต่อัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในหลายหมวดโดยเฉพาะหมวดเกษตร ยังไม่ได้ฟื้นตัวสอดคล้องกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นและกระทบกำลังซื้อของภาคเศรษฐกิจบางส่วน ประกอบกับประสิทธิภาพการผลิต (productivity) และค่าแรง (wage) ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ได้ปรับตัวเพิ่มเท่าการลดลงของอัตราการว่างงาน ทั้งนี้ แม้นโยบายการเงินของธนาคารกลางในกลุ่มประเทศหลักโดยเฉพาะในสหรัฐฯ จะเริ่มเข้าสู่ภาวะตึงตัว แต่การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปและอ้างอิงปัจจัยในตลาดแรงงานและอัตราเงินเฟ้อเป็นสำคัญ ด้านอัตราดอกเบี้ยทั้งในระยะสั้นและระยะยาวจะเข้าสู่วงจรขาขึ้นอย่างชัดเจนมากขึ้น จากการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายและการลดงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และการเริ่มลดวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ (QE tapering) ของ ECB ตามแผน
อีไอซีมองว่าความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกและประเด็นที่ควรจับตาในปี 2018 มีประเด็นที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่ ความคืบหน้าการดำเนินนโยบายการคลังของสหรัฐฯ เสถียรภาพทางการเมืองในเขตยูโรโซน และการเริ่มชะลอตัวและภาวะหนี้ในระบบเศรษฐกิจของจีน แม้ว่าแผนการปฏิรูประบบภาษี จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้ว แต่แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ยังไม่มีรายละเอียด อาจส่งผลเชิงลบต่อความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจสหรัฐฯ และส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และค่าเงินสกุลหลักทั่วโลกในระยะต่อไปได้ ทางด้านเสถียรภาพทางการเมืองในเขตยูโรโซนนั้นก็ยังไม่พ้นความเสี่ยงและต้องเฝ้าติดตาม เพราะจะมีประเด็นสั่นคลอนเอกภาพในภูมิภาคอยู่เป็นระยะ เช่น เยอรมนีที่อาจต้องจัดการเลือกตั้งใหม่จากการที่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลผสมได้สำเร็จ ความเสี่ยงต่อการแยกตัวเป็นเอกราชของคาตาโลเนียออกจากสเปน การเลือกตั้งของอิตาลีในเดือนมีนาคม 2018 และการเจรจาประเด็น Brexit ที่ต้องได้ข้อสรุปก่อนเดือนมีนาคม 2019 เป็นต้น นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนหลังการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 19 ในเดือนตุลาคม 2017 ที่ผ่านมาชี้ให้เห็นถึงตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอลง แม้จีนจะเน้นการเติบโตที่มีคุณภาพ แต่ปัญหาหนี้ภาคเอกชนของจีนที่อยู่ในระดับสูงจะเริ่มถูกจับตามากขึ้น นอกจากนี้ ความเสี่ยงประเด็นรองอื่นๆ เช่น ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ทั้งในคาบสมุทรเกาหลีและความขัดแย้งในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง รวมถึงนโยบายการเงินที่อาจตึงตัวเร็วเกินคาดถ้าเงินเฟ้อเร่งตัว ยังเป็นความเสี่ยงด้านต่ำที่ไม่อาจละเลยได้เนื่องจากอาจส่งผลกระทบเฉียบพลันต่อทั้งตลาดการเงินโลก ค่าเงินและแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะต่อไปได้