SHARE
SCB EIC ARTICLE
08 มกราคม 2018

BULL-BEAR: ราคาน้ำมัน

เผยแพร่ใน EIC Outlook ฉบับไตรมาส 1/2018 คลิกอ่านฉบับเต็ม 

 

ราคาน้ำมัน 
(USD/บาร์เรล)

2016 2017F 2018F
(ค่าเฉลี่ย)  เฉลี่ย Q1 Q2 Q3 Q4 เฉลี่ย Q1F Q2F Q3F Q4F เฉลี่ย สูงสุด* ต่ำสุด*

ราคาน้ำมันดิบ WTI

43 52 48 48 55 51 56 53 54 57 55 58 50
ราคาน้ำมันดิบ Brent 44 54 50 52 61 54 60 56 57 60 58 61 54

 

*ข้อมูลจาก Leading global houses (ณ 1 ธันวาคม 2017)
ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC

 

EIC’s view: Bear
ราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 1 ปี 2018 มีแนวโน้มทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากตลาดน้ำมันยังมีอุปทานส่วนเกินอยู่ นอกจากนี้ ข้อตกลงของ OPEC และ Non-OPEC ที่ได้ขยายระยะเวลาการลดปริมาณการผลิตน้ำมันไปจนถึงปลายปี 2018 ทำให้ราคาน้ำมันรับข่าวและปรับระดับสูงขึ้นไปแล้วในช่วงปลายปี 2017 สำหรับความพยายามของ OPEC ที่ต้องการดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้นยังมีอุปสรรค เพราะผู้ผลิต shale oil ในสหรัฐฯ ซึ่งมีจุดคุ้มทุนเฉลี่ยของราคาน้ำมันที่ 50-55 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ก็พร้อมจะกลับมาขุดเจาะ ทำให้อุปทานน้ำมันสูงขึ้น ส่งผลให้การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ (geopolitical risk) ในตะวันออกกลาง ซึ่งอาจทำให้อุปทานน้ำมันตึงตัว กระทบต่อราคาน้ำมันให้ทะยานสูงขึ้นได้

 

BULLs BEARs
  • ในการประชุมที่กรุงเวียนนา ออสเตรีย เมื่อ 30 พฤศจิกายน 2017 กลุ่ม OPEC และ Non-OPEC บรรลุข้อตกลงขยายระยะเวลาการลดปริมาณการผลิตน้ำมันที่ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ออกไปอีก 9 เดือน จากเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2018 เป็นเดือนธันวาคม 2018 นอกจากนี้ ลิเบีย และไนจีเรีย ได้เข้าร่วมในข้อตกลงครั้งนี้ด้วย จากที่เคยได้รับการยกเว้นไม่ต้องลดการผลิตเพราะปัญหาการเมืองในประเทศ โดยทั้งสองประเทศจะรักษาระดับการผลิตน้ำมันรวมกันไม่ให้เกิน 2.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งคาดว่าจะทำให้น้ำมันดิบคงคลังลดลงได้ตามเป้าหมายของ OPEC ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2018
  • ซาอุดีอาระเบียปราบปรามคอร์รัปชันครั้งใหญ่ โดยมกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ดำเนินการจับกุมเจ้าชาย 11 พระองค์ รวมถึงข้าราชการระดับสูง และนักธุรกิจในข้อหาทุจริต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะปฏิรูปประเทศตามประกาศ “วิสัยทัศน์ 2030” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซาอุฯ เตรียมเสนอขายหุ้น IPO ของ Saudi Aramco บริษัทน้ำมันแห่งชาติในปี 2018 ซึ่งการปฏิรูปดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลทางบวกต่อราคาน้ำมัน
  • ความตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจทำให้อุปทานน้ำมันดิบตึงตัว เช่น ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างอิรักกับชาวเคิร์ดที่ต้องการแยกตัวเป็นอิสระ อาจทำให้มีการปิดท่อส่งออกน้ำมันแถบเคอร์ดิสถานทางภาคเหนือของอิรัก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมัน นอกจากนี้ สำหรับอิหร่านอาจโดนสหรัฐฯ กลับมาคว่ำบาตรอีกครั้งเรื่องโครงการนิวเคลียร์ ทำให้อิหร่านส่งออกน้ำมันยากขึ้นและต้องลดปริมาณการผลิต
  • อุปทานน้ำมันดิบในปี 2018 ที่ยังคงล้นตลาดอยู่เล็กน้อยราว 2.8 แสนบาร์เรลต่อวัน จะเป็นปัจจัยลบต่อราคาน้ำมันดิบ ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ประเมินอุปทานน้ำมันโลกจะปรับระดับสูงขึ้นในปี 2018 มาอยู่ที่ 100.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะที่อุปสงค์มีอยู่ราว 99.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งอุปทานน้ำมันส่วนใหญ่หรือราว 60% ของอุปทานน้ำมันโลก มาจากผู้ผลิตกลุ่ม Non-OPEC จะมีการผลิตราว 60 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นถึง 2.6%YOY
  • ผู้ผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ขยายการผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากระดับราคาน้ำมันดิบที่มากกว่า 50-55 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยเฉลี่ย จะทำให้คุ้มทุนในการผลิต ทั้งนี้ EIA คาดว่าอุปทานน้ำมันในสหรัฐฯ ปี 2018 จะขยายตัวถึง 8%YOY จาก 15.4 เป็น 16.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในส่วนของแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯ ปี 2018 คาดว่าจะมีการเติบโต 18%YOY ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะเป็นแรงกดดันทำให้ราคาน้ำมันดิบไม่สามารถปรับระดับสูงขึ้นได้

 

 

ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ยอมรับ