SHARE
ECONOMIC OUTLOOK / SCB EIC MONTHLY
08 มกราคม 2018

Outlook ไตรมาส 1/2018

อีไอซีมองเศรษฐกิจไทยปี 2018 โตต่อเนื่องที่ 4.0%YOY เสริมด้วยการลงทุนภาคเอกชนที่กำลังจะกลับมา อานิสงส์จากเศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่งส่งผลให้การส่งออกและการท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า ซึ่งนั่นเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การลงทุนภาคเอกชนของไทยมีโอกาสกลับมาขยายตัวตามการผลิตเพื่อการส่งออกที่มีการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นติดต่อกันมาหลายเดือน นอกจากนี้ การลงทุนภาคเอกชนยังมีสัญญาณสนับสนุนอื่นๆ อีก ได้แก่ การขยายสาขาของกลุ่มค้าปลีกขนาดใหญ่ การเริ่มกลับมาเปิดโครงการของบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ตามเม็ดเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐที่มีแนวโน้มขยายตัวอีกเท่าตัว และการลงทุนในเทคโนโลยีของบริษัทใหญ่เพื่อปรับธุรกิจเข้าสู่ยุคดิจิทัล นอกจากนี้ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีความคึกคักอย่างชัดเจนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็มีแนวโน้มนำไปสู่การลงทุนในหลายด้าน ทั้งในด้านการขนส่ง โกดังสินค้า และการรองรับเทคโนโลยีการชำระเงินออนไลน์ ทั้งนี้ ตัวแปรสำคัญที่อาจทำให้เศรษฐกิจไทยปี 2018 เติบโตได้สูงกว่าคาดคือการลงทุนของบริษัทต่างชาติในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)

 

 Outlook_TH_Q1_2018s_Page_01.jpg

 

ดาวน์โหลดเอกสารภาษาไทยเพื่ออ่านต่อฉบับเต็ม

 

 

 

 

 Outlook_TH_Q1_2018s_Page_05.jpg

 

สรุปภาพรวมเศรษฐกิจโลกปี 2018

 

เศรษฐกิจโลกในปี 2018 มีแนวโน้มขยายตัวดีสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน (synchronized growth) ในทุกภูมิภาคหลักจากภาวะการค้าโลกที่ดีต่อเนื่องและการบริโภคภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง ภาวะการค้าโลกที่ฟื้นตัวต่อเนื่องทำให้ภาคการส่งออกเป็นแรงสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในหลายภูมิภาคทั่วโลกต่อไปได้ ประกอบกับแรงส่งจากการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่งจากตลาดแรงงานในกลุ่มประเทศหลักที่เริ่มเข้าสู่ภาวะการจ้างงานเต็มที่ อย่างไรก็ดี แม้เศรษฐกิจโลกโดยรวมจะเติบโตต่อเนื่องอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแบบไม่ร้อนแรง (goldilock) แต่อัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในหลายหมวดโดยเฉพาะหมวดเกษตร ยังไม่ได้ฟื้นตัวสอดคล้องกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นและกระทบกำลังซื้อของภาคเศรษฐกิจบางส่วน ประกอบกับประสิทธิภาพการผลิต (productivity) และค่าแรง (wage) ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ได้ปรับตัวเพิ่มเท่าการลดลงของอัตราการว่างงาน ทั้งนี้ แม้นโยบายการเงินของธนาคารกลางในกลุ่มประเทศหลักโดยเฉพาะในสหรัฐฯ จะเริ่มเข้าสู่ภาวะตึงตัว แต่การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปและอ้างอิงปัจจัยในตลาดแรงงานและอัตราเงินเฟ้อเป็นสำคัญ ด้านอัตราดอกเบี้ยทั้งในระยะสั้นและระยะยาวจะเข้าสู่วงจรขาขึ้นอย่างชัดเจนมากขึ้น จากการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายและการลดงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และการเริ่มลดวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ (QE tapering) ของ ECB ตามแผน

 

อีไอซีมองว่าความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกและประเด็นที่ควรจับตาในปี 2018 มีประเด็นที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่ ความคืบหน้าการดำเนินนโยบายการคลังของสหรัฐฯ เสถียรภาพทางการเมืองในเขตยูโรโซน และการเริ่มชะลอตัวและภาวะหนี้ในระบบเศรษฐกิจของจีน แม้ว่าแผนการปฏิรูประบบภาษี จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้ว แต่แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ยังไม่มีรายละเอียด อาจส่งผลเชิงลบต่อความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจสหรัฐฯ และส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และค่าเงินสกุลหลักทั่วโลกในระยะต่อไปได้ ทางด้านเสถียรภาพทางการเมืองในเขตยูโรโซนนั้นก็ยังไม่พ้นความเสี่ยงและต้องเฝ้าติดตาม เพราะจะมีประเด็นสั่นคลอนเอกภาพในภูมิภาคอยู่เป็นระยะ เช่น เยอรมนีที่อาจต้องจัดการเลือกตั้งใหม่จากการที่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลผสมได้สำเร็จ ความเสี่ยงต่อการแยกตัวเป็นเอกราชของคาตาโลเนียออกจากสเปน การเลือกตั้งของอิตาลีในเดือนมีนาคม 2018 และการเจรจาประเด็น Brexit ที่ต้องได้ข้อสรุปก่อนเดือนมีนาคม 2019 เป็นต้น นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนหลังการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 19 ในเดือนตุลาคม 2017 ที่ผ่านมาชี้ให้เห็นถึงตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอลง แม้จีนจะเน้นการเติบโตที่มีคุณภาพ แต่ปัญหาหนี้ภาคเอกชนของจีนที่อยู่ในระดับสูงจะเริ่มถูกจับตามากขึ้น นอกจากนี้ ความเสี่ยงประเด็นรองอื่นๆ เช่น ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ทั้งในคาบสมุทรเกาหลีและความขัดแย้งในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง รวมถึงนโยบายการเงินที่อาจตึงตัวเร็วเกินคาดถ้าเงินเฟ้อเร่งตัว ยังเป็นความเสี่ยงด้านต่ำที่ไม่อาจละเลยได้เนื่องจากอาจส่งผลกระทบเฉียบพลันต่อทั้งตลาดการเงินโลก ค่าเงินและแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะต่อไปได้

 

 Outlook_TH_Q1_2018s_Page_03.jpg

 

รุปภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2018

 

อีไอซีมองเศรษฐกิจไทยปี 2018 โตต่อเนื่องที่ 4.0%YOY เสริมด้วยการลงทุนภาคเอกชนที่กำลังจะกลับมา อานิสงส์จากเศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่งส่งผลให้การส่งออกและการท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า ซึ่งนั่นเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การลงทุนภาคเอกชนของไทยมีโอกาสกลับมาขยายตัวตามการผลิตเพื่อการส่งออกที่มีการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นติดต่อกันมาหลายเดือน นอกจากนี้ การลงทุนภาคเอกชนยังมีสัญญาณสนับสนุนอื่นๆ อีก ได้แก่ การขยายสาขาของกลุ่มค้าปลีกขนาดใหญ่ การเริ่มกลับมาเปิดโครงการของบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ตามเม็ดเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐที่มีแนวโน้มขยายตัวอีกเท่าตัว และการลงทุนในเทคโนโลยีของบริษัทใหญ่เพื่อปรับธุรกิจเข้าสู่ยุคดิจิทัล นอกจากนี้ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีความคึกคักอย่างชัดเจนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็มีแนวโน้มนำไปสู่การลงทุนในหลายด้าน ทั้งในด้านการขนส่ง โกดังสินค้า และการรองรับเทคโนโลยีการชำระเงินออนไลน์ ทั้งนี้ ตัวแปรสำคัญที่อาจทำให้เศรษฐกิจไทยปี 2018 เติบโตได้สูงกว่าคาดคือการลงทุนของบริษัทต่างชาติในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)

 

ตลาดผู้บริโภคมีแนวโน้มดีขึ้นเพียงบางกลุ่ม การบริโภคภาคเอกชนในภาพรวมมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องเช่นกันแต่เป็นการพึ่งพากำลังซื้อของคนบางกลุ่มที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ได้แก่ กลุ่มผู้มีรายได้สูงและกลุ่มผู้ซื้อรถคันแรกที่ทยอยหมดภาระการผ่อนที่จะช่วยให้สินค้าและบริการ ที่เจาะกลุ่มชนชั้นกลางยังคงขยายตัวได้ นอกจากนี้ การผ่านพ้นช่วงไว้อาลัยก็จะทำให้กิจกรรมต่างๆ กลับมาดำเนินการตามปกติ เช่น การจัดงานรื่นเริง กิจกรรมและสื่อด้านความบันเทิง รวมไปถึงการท่องเที่ยวทั้งของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ อย่างไรก็ตาม กำลังซื้อของคนส่วนใหญ่ยังคงได้รับผลกระทบจากทั้งการจ้างงานและค่าจ้างที่ลดลงในปีที่ผ่านมา รวมถึงภาระหนี้ต่อรายได้ที่ยังสูงและเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อการบริโภค

 

อีไอซีประเมินว่ามี 4 ความเสี่ยงหลักในปี 2018 ความเสี่ยงแรก คือ ราคาสินค้าเกษตรที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำจากผลผลิตที่ออกมามากจะกระทบกับรายได้ของครัวเรือนส่วนใหญ่ เป็นการส่งผลซ้ำเติมต่อกำลังซื้อที่ยังไม่ได้ฟื้นตัว ความเสี่ยงที่สอง คือ การแข็งค่าของเงินบาทที่จะกระทบกับรายได้ในรูปเงินบาทและความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออก ความเสี่ยงที่สาม คือ การขาดแคลนแรงงานทั้งแรงงานต่างด้าวและแรงงานทักษะขั้นสูง ซึ่งความเสี่ยงนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวของการลงทุนสะดุดลงได้ และความเสี่ยงสุดท้าย คือ ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่มีโอกาสส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ อาทิ ความไม่สงบในคาบสมุทรเกาหลี ความไม่แน่นอนทางการเมืองของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองของหลายประเทศในสหภาพยุโรป

 

 

Bull - Bear: ราคาน้ำมัน

Bear - ราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 1 ปี 2018 มีแนวโน้มทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากตลาดน้ำมันยังมีอุปทานส่วนเกินอยู่ นอกจากนี้
ข้อตกลงของ OPEC และ Non-OPEC ที่ได้ขยายระยะเวลาการลดปริมาณการผลิตน้ำมันไปจนถึงปลายปี 2018 ทำให้ราคาน้ำมันรับข่าวและปรับระดับสูงขึ้นไปแล้วในช่วงปลายปี 2017 สำหรับความพยายามของ OPEC ที่ต้องการดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้นยังมีอุปสรรค เพราะผู้ผลิต shale oil ในสหรัฐฯ ซึ่งมีจุดคุ้มทุนเฉลี่ยของราคาน้ำมันที่ 50-55 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ก็พร้อมจะกลับมาขุดเจาะ ทำให้อุปทานน้ำมันสูงขึ้น ส่งผลให้การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ (geopolitical risk) ในตะวันออกกลาง ซึ่งอาจทำให้อุปทานน้ำมันตึงตัว กระทบต่อราคาน้ำมันให้ทะยานสูงขึ้นได้

 

In focus: Data Scientistอาชีพมาแรงแห่งยุค

 

Outlook_TH_Q1_2018s_Page_55.jpg

 

ในยุคที่ Big Data เข้าถึงได้ง่ายขึ้นในราคาที่ถูกลง ความท้าทายขององค์กรเป็นเรื่องการหาบุคลากรที่จะเข้ามาจัดการกับข้อมูลขนาดใหญ่ที่อัพเดตทุกวินาทีให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรที่สุด Data Scientist จึงกลายเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเพิ่มความสำเร็จขององค์กร แม้ตลาดงานจะมีความต้องการตัว Data Scientist สูง แต่ผู้มีคุณสมบัติเพียงพอกลับมีน้อย ทำให้ Data Scientist กลายเป็นบุคลากรที่องค์กรต่างต้องการตัว คำถามที่เกิดขึ้นคือ Data Scientist เป็นใครและทำอะไรถึงได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐและเอกชน แล้วหากต้องการเป็น Data Scientist บ้าง ควรมีการเตรียมตัวอย่างไร?

 

Get the additional info

ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ยอมรับ