ส่วนต่างของราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent มีแนวโน้มอย่างไร หากเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือรุนแรงขึ้น?
ส่วนต่าง (spread) ของราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) และ Brent ยังมีแนวโน้มติดลบจากอุปทานน้ำมันแถบทะเลเหนือที่ตึงตัวและความไม่สงบในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือที่รุนแรงมากขึ้น ราคาน้ำมันดิบ WTI โดยทั่วไปจะสูงกว่า Brent มีปัจจัยพื้นฐานมาจากความแตกต่างด้านคุณภาพของน้ำมันที่ดีกว่า
ผู้เขียน: ปราณิดา ศยามานนท์
ส่วนต่าง ( spread) ของราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) และ Brent ยังมีแนวโน้มติดลบจากอุปทานน้ำมันแถบทะเลเหนือที่ตึงตัวและความไม่สงบในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือที่รุนแรงมากขึ้น ราคาน้ำมันดิบ WTI โดยทั่วไปจะสูงกว่า Brent มีปัจจัยพื้นฐานมาจากความแตกต่างด้านคุณภาพของน้ำมันที่ดีกว่า โดย WTI มีที่มาจากแหล่งผลิตในสหรัฐฯ เป็นน้ำมันดิบคุณภาพสูง ความหนาแน่นและกำมะถันต่ำ (light sweet) และมีการซื้อขายและส่งมอบกันที่เมือง Cushing รัฐ Oklahoma ราคา WTI มักจะถูกใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาน้ำมันของทวีปอเมริกาเหนือ สำหรับ Brent มาจากแหล่งผลิตบริเวณทะเลเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นน้ำมันดิบเกรด light sweet เช่นเดียวกัน แต่มีความหนาแน่นและกำมะถันมากกว่า จึงมีราคาถูกกว่า WTI โดยเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา spread ของน้ำมันดิบ WTI และ Brent อยู่ที่ประมาณ 1-5 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมีบางช่วงที่ติดลบจะไม่เกิน 5-7 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ตั้งแต่ปลายปี 2010 เป็นต้นมา spread ของราคาน้ำมันดิบ WTI กับ Brent ติดลบต่อเนื่องและกว้าง (1) มีการซ่อมบำรุงหลุมน้ำมันบริเวณแถบทะเลเหนือ ( field maintenance) ทำให้อุปทานน้ำมันในตลาด Brent ลดลงต่อเนื่อง โดย EIA คาดการณ์ปริมาณน้ำมันแถบทะเลเหนือลดลง 210,000 และ 170,000 บาร์เรลต่อวัน ในปี 2011 และ 2012 ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ Brent อยู่ในระดับสูง (2) ปริมาณน้ำมันสำรองของตลาดสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาแคนาดามีการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นมากและมีการส่งออกผ่านท่อมายังบริเวณ Cushing ซึ่งเป็นสถานที่ส่งมอบน้ำมัน WTI เป็นปริมาณมาก ส่งผลให้ stock น้ำมันของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ใหม่ที่ 38.6 ล้านบาร์เรล เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2011 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันราคาน้ำมัน WTI ให้อยู่ต่ำกว่า Brent มากถึงราว 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (3) เหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบ Brent มากกว่า WTI แม้ในแง่ sentiment จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบทุกตลาด แต่ในแง่ภูมิศาสตร์ จะส่งผลกระทบต่อ Brent มากกว่า เนื่องจากความกังวลของตลาดว่าสถานการณ์อาจรุนแรงบานปลายจนอาจส่งผลกระทบต่อการขนส่งน้ำมันผ่านคลอง Suez และท่อ Sumed ในอียิปต์ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างทะเลแดงและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อส่งน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซียไปยังยุโรป และอาจจะทำให้ขนส่งน้ำมันมาไม่ได้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบ WTI (4) ราคาน้ำมัน WTI ขึ้นกับตลาดการเงินค่อนข้างมาก ส่งผลให้บางครั้ง ราคาอาจไม่ค่อยสะท้อนความต้องการน้ำมันที่แท้จริง เพราะถูกกระทบจาก sentiment ของนักลงทุน โดยมีการซื้อขายในตลาดล่วงหน้า New York Mercantile Exchange (NYMEX) แต่ในทางปฏิบัติ ราคาน้ำมัน WTI มีการซื้อขายจริง (physical trading) เพียง 0.5% ของปริมาณเนื้อน้ำมันที่มีการ |
![]() |
|
|||
|