ผู้เขียน: ปราณิดา ศยามานนท์
![162597634.jpg]()
![Event.png]() |
![885_20100622103059.gif]()
|
- ในระหว่างการประชุม UN Climate Talks ณ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 28 ประเทศในกลุ่ม OECD ได้ตกลงที่จะพยายามลดภาวะโลกร้อนภายใต้เงื่อนไข 450 scenario ภายในปี 2030
|
![Analysis.png]() |
![884_20100622103051.gif]()
|
- 450 scenario คือเป้าหมายของการกำหนดความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจก (concentration of greenhouse gases) ในชั้นบรรยากาศไม่ให้เกิน 450 ส่วนในล้านส่วน หรือ 450 PPM ภายในปี 2030 ซึ่งถ้าทำได้จะทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นเพียง 2 องศาเซลเซียส จากเดิมที่คาดว่าจะสูงขึ้นถึง 6 องศาเซลเซียสภายในปี 2030 เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ แผนสำคัญคือการลดการใช้เชื้อเพลิงจาก fossil อาทิ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน
-
หากภาครัฐไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ International Energy Agency (IEA) คาดว่าความต้องการใช้พลังงานนับจากปัจจุบันไปจนถึงปี 2030 จะเพิ่มขึ้นถึง 40% โดยสัดส่วนของการใช้พลังงานจาก fossil ยังมีสัดส่วนสูงสุดถึง 77% ซึ่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติยังมีบทบาทสำคัญ ทั้งนี้ ความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้การลงทุนยังคงมีความจำเป็นเพื่อหาแหล่งน้ำมันทดแทนจากหลุมเดิม และหาแหล่ง non-conventional oil ใหม่ๆ ขณะที่ความต้องการก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามความต้องการพลังงานไฟฟ้า ส่งผลให้มีการเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น
-
แต่หากต้องการให้บรรลุ 450 scenario คาดว่าทั่วโลกจะต้องลงทุนด้านพลังงานเพิ่มอีกประมาณ 10.5 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. รวมถึงออกมาตรการการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในกรณีของ 450 scenario นี้ ความต้องการใช้พลังงานจาก fossil จะสูงสุดในปี 2020 และสัดส่วนการใช้ zero-carbon fuels จะเพิ่มขึ้น สำหรับราคาน้ำมันในรูป real term คาดว่าจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่ากรณีของที่ภาครัฐไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ ที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 100 และ 115 ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรลในปี 2020 และ 2030 ตามลำดับ
|
![Implication.png]() |
![886_20100622103105.gif]()
|
- จากเงื่อนไขของ 450 scenario ผู้ประกอบธุรกิจพลังงานทั่วโลกต้องจับตามองแนวโน้มความต้องการพลังงานในระยะ 20 ปีข้างหน้าที่มีแนวโน้มเติบโต ท่ามกลางความท้าทายที่จะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้ความต้องการ zero-carbon fuels มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้พลังงานที่จะส่งผลให้ความต้องการพลังงานบางส่วนลดลง
- ผู้ประกอบธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติไทย ยังเติบโตได้อีกระยะหนึ่ง เนื่องจาก renewable energy ยังไม่สามารถเติบโตได้ทันกับความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นในอนาคต อีกทั้งความต้องการพลังงานในกลุ่มประเทศ ASEAN มีแนวโน้มเติบโตสูง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประเทศ ASEAN ส่วนใหญ่ยังคงมีฐานะเป็น net importer อยู่ ผู้ประกอบธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติไทยควรเร่งหาแหล่งพลังงานใหม่ๆ เพื่อรองรับการเติบโตของความต้องการพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งก๊าซธรรมชาติที่จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ จากความต้องการใช้สำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้า ทั้งนี้ สำหรับธุรกิจถ่านหิน คาดว่ายังมีแนวโน้มเติบโต แต่มีข้อจำกัดที่จะต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตถ่านหินสะอาดเพื่อรองรับเงื่อนไขของ 450 scenario
|