SHARE
SCB EIC ARTICLE
05 พฤษภาคม 2016

โอกาสของอุตสาหกรรม oleochemicals ในอาเซียน ที่น่าจับตามอง

ด้วยกระแสรักษ์โลก และเทรนด์การหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพที่ขยายตัวกว้างขึ้นในปัจจุบัน

ผู้เขียน: เลิศพงศ์ ลาภชีวะสิทธิ์

ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2016

 

ThinkstockPhotos-484834404-s.jpg
 

ด้วยกระแสรักษ์โลก และเทรนด์การหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพที่ขยายตัวกว้างขึ้นในปัจจุบัน ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยจากสารเคมีตกค้างเริ่มเป็นที่นิยมและแพร่หลายมากขึ้น โดยเคมีภัณฑ์จากธรรมชาติ หรือที่รู้จักทั่วไปว่า oleochemicals จึงเริ่มเป็นที่นิยมนำมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคหลายประเภท แทนเคมีภัณฑ์ทั่วไปมากขึ้น

กลีเซอรีน (glycerin) ถือเป็นเคมีภัณฑ์จากธรรมชาติประเภทหนึ่งที่นำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องสำอาง สินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร และยา เคมีภัณฑ์ประเภทนี้เป็นผลพลอยได้ที่มาจากการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลของปาล์มน้ำมันเป็นหลัก รวมถึงน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะพร้าว และไขมันจากสัตว์ ทั้งนี้ กลีเซอรีนเป็นเคมีภัณฑ์ที่ไม่มีพิษและมีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นคล้ายกับมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ดังนั้นจึงนิยมนำไปเป็นวัตถุดิบหลักในการทำสบู่ ยาสระผม ครีมบำรุง เครื่องสำอาง เป็นต้น

ความต้องการกลีเซอรีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องราว 11-13% ทั้งโลก ทั้งในรูปแบบกลีเซอรีนบริสุทธิ์ และผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ใช้กลีเซอรีนเป็นส่วนผสมในการผลิต ทั้งนี้ จีนเป็นตลาดส่งออกสำคัญ มีสัดส่วนการนำเข้ากลีเซอรีนสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก และกว่า 50% นำเข้าจากอาเซียน เนื่องจากการมีสภาพภูมิอากาศและดินที่ไม่เหมาะสม ทำให้จีนไม่สามารถผลิตปาล์มน้ำมันเองได้ นอกจากนี้ จีนยังเป็นฐานการผลิตของอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่สำคัญหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น เครื่องสำอาง หรือสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ ทำให้มีความต้องการกลีเซอรีนในภาคอุตสาหกรรมสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากอุตสาหกรรมการผลิตดังกล่าวแล้ว จีนยังใช้กลีเซอรีนเป็นวัตถุดิบในการผลิตสาร Epicholorohydrin (ECH) ซึ่งใช้ในการผลิต epoxy resins สารเคลือบผิวชิ้นส่วนรถยนต์ และอิเล็คทรอนิกส์ ทดแทนการใช้ propylene และ chlorine ซึ่งช่วยลดปริมาณการใช้น้ำ และลดของเสียจากกากตะกอนคลอรีน รวมถึงราคาวัตถุดิบที่ถูกกว่า ทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าการใช้ propylene และ chlorine

นอกจากนี้ ยุโรปก็นับเป็นตลาดส่งออกสำคัญอีกแห่งหนึ่ง ด้วยความตระหนักถึงกระแสรักษ์โลกและการใส่ใจดูแลสุขภาพ ทำให้คนในยุโรปนิยมใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และปราศจากสารเคมีปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยในบางประเทศมีการห้ามจำหน่ายสบู่ที่ใช้วัตถุดิบของเคมีภัณฑ์ทั่วไปบางชนิด และนำเอาสบู่กลีเซอรีนมาใช้ทดแทน อีกทั้ง กลีเซอรีนยังนำไปใช้เป็นส่วนผสมสำคัญในการผลิตยาหลายชนิด เช่น ยาเฉพาะสำหรับรักษาโรคผิวหนัง ยารักษาแผลไฟลวก ซึ่งยุโรปมีสัดส่วนมูลค่าส่งออกยาสูงที่สุดของโลกกว่า 80% ของมูลค่าส่งออกยาทั้งหมด  

สำหรับตลาดอาเซียนเองนั้นก็นับเป็นตลาดส่งออกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เนื่องจากมีอัตราการเติบโตของการนำเข้าเครื่องสำอาง และสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างสบู่มากขึ้น ประกอบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและรายได้ต่อหัวที่สูงขึ้น ตลอดจนกระแสรักษ์โลกที่เริ่มเข้ามาในอาเซียน ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ oleochemicals อย่างสบู่กลีเซอรีนมีแนวโน้มเจาะตลาดได้มากขึ้น ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา การนำเข้าเครื่องสำอางและสบู่ในอาเซียนเติบโตอย่างต่อเนื่องราว 4-5% ต่อปี โดยไทยเป็นผู้ส่งออกหลัก และมีอัตราเติบโตเฉลี่ยราว 7% ต่อปี นับเป็นมูลค่าส่งออกกว่าแสนล้านบาท ซึ่งลาวและเมียนมามีอัตราการเติบโตของการนำเข้าสินค้าประเภทนี้จากไทยสูงที่สุดที่ 14% และ 12% ตามลำดับ นับเป็นมูลค่าส่งออกรวมกันกว่า 8.3 พันล้านบาท ทั้งนี้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของลาวและเมียนมาทำให้ผู้บริโภคในประเทศมีรายได้ต่อหัวสูงขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการสินค้าประเภทนี้สูงขึ้นตามมา ในขณะที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดนำเข้าเครื่องสำอางและสบู่ที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับที่ 2 ของการส่งออกของไทย ก็มีโอกาสขยายตลาดเพิ่มเติมได้ เนื่องจากฟิลิปปินส์มีชื่อเสียงด้านธุรกิจสปาและการแพทย์อยู่แล้ว ประกอบกับกระแสนิยมต่อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติสูง จึงเป็นสาเหตุให้ความต้องการเครื่องสำอางและสบู่ที่ผลิตจากอุตสาหกรรมนี้สูงขึ้นตามไปด้วย

ในปี 2015 ไทยมีการส่งออกกลีเซอรีนราว 33 ล้านลิตรต่อปี นับเป็นผู้ส่งออกกลีเซอรีนอันดับ 2 ของอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย ซึ่งมีปริมาณส่งออกสูงมากถึง 180 ล้านลิตรต่อปี สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก แต่ข้อได้เปรียบหลักของไทยในอุตสาหกรรมนี้ คือความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ส่งผลให้สามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้ตลอดทั้งสายการผลิต และยังสามารถเพิ่มมูลค่าให้แก่กลีเซอรีนได้อย่างหลากหลายด้วยการนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ ซึ่งการแปรรูปนั้นเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกลีเซอรีนเป็นอย่างมาก โดยมูลค่าจะสูงกว่าการขายกลีเซอรีนบริสุทธิ์ถึง 7 เท่า ประกอบกับความมีชื่อเสียงและความแข็งแกร่งผลิตภัณฑ์แบรนด์ไทยทำให้สามารถดึงดูดผู้ซื้อจากที่ต่างๆ ได้ ในทางกลับกัน แม้ว่าอินโดนีเซียจะมีความแข็งแกร่งอย่างมากในอุตสาหกรรมต้นน้ำอย่างการปลูกปาล์มน้ำมัน แต่ทว่าอุตสาหกรรมปลายน้ำในการแปรรูปผลิตภัณฑ์กลับยังไม่ค่อยมีความพร้อมมากนัก ทำให้ต้องส่งออกกลีเซอรีนบริสุทธิ์เป็นหลัก

อย่างไรก็ดี ไทยมีข้อเสียเปรียบอินโดนีเซียในด้านต้นทุนวัตถุดิบปาล์มน้ำมันที่สูงกว่ามาก เนื่องจากมีพื้นที่ในการเพาะปลูกน้อย และผลผลิตต่อไร่ต่ำ ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยสูงกว่า ดังนั้น ถ้าหากไทยสามารถเพิ่มผลผลิตต่อไร่ของการผลิตปาล์มน้ำมันในพื้นที่ที่จำกัดให้สูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องตามแผนพัฒนาพลังงานทางเลือกของไทยฉบับล่าสุดที่ตั้งเป้าหมายว่าในปี 2026 จะผลิตไบโอดีเซลให้ได้ 10 ล้านลิตรต่อวัน ก็จะทำให้มีกลีเซอรีนผลิตออกมาได้กว่า 1 ล้านลิตรต่อวัน (การผลิตไบโอดีเซลทุกๆ 10 ลิตร จะได้กลีเซอรีนประมาณ 1 ลิตร หรือราว 10%) อาจจะทำให้ต้นทุนวัตถุดิบต่อหน่วยต่ำลง ประกอบกับความได้เปรียบจากความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จะส่งผลให้ไทยสามารถแข่งขันกับผู้เล่นหลักในภูมิภาคอย่างอินโดนีเซียที่ปัจจุบันส่งออกกลีเซอรีนอยู่ที่ 5 แสนลิตรต่อวันได้

ในอนาคต อีไอซีมองว่ามีโอกาสสูงที่ไทยจะก้าวเข้ามาเป็นผู้ส่งออก oleochemicals รายหลักในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะกลีเซอรีนบริสุทธิ์ และกลีเซอรีนในรูปแบบผลิตภัณฑ์แปรรูป เนื่องจากแผนพัฒนาพลังงานทางเลือกของไทยปีล่าสุด สนับสนุนให้มีความต้องการใช้ไบโอดีเซลและการผลิตที่สูงขึ้น ก็จะทำให้มีกลีเซอรีนซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการผลิตไบโอดีเซลออกมามากเช่นกัน ประกอบกับนโยบายส่งเสริมจากภาครัฐที่ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางเพราะไทยมีความพร้อมของอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ ซึ่งจากที่กล่าวมาข้างต้น จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ไทยก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมนี้ในอาเซียน ทั้งการส่งออกในรูปแบบกลีเซอรีนบริสุทธิ์เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบ และกลีเซอรีนในรูปแบบผลิตภัณฑ์แปรรูป นับว่าจะช่วยสนับสนุนภาคการส่งออกของประเทศ ตลอดจนเป็นการเพิ่มรายได้และขยายตลาดให้ผู้ประกอบการไทยต่อไปในอนาคต

 

ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ยอมรับ