เก็บตก ASEAN Summit และ APEC Summit 2025 : โอกาสใหม่ ASEAN ต้องกล้าคว้า
ASEAN มีศักยภาพเป็น “ศูนย์กลางการลงทุนโลก” จากภูมิศาสตร์ ขนาดตลาด และความร่วมมือของภูมิภาค แต่ต้องมีนโยบายเชิงรุกเพื่อรักษาความสามารถการแข่งขันระยะยาว
ในโลกที่ความไม่แน่นอนกลายเป็นสิ่งปกติใหม่ นักลงทุนทั่วโลกต่างมองหา “พื้นที่ปลอดภัย” สำหรับการลงทุนระยะยาว ภูมิภาค ASEAN เข้าข่ายทางเลือกหนึ่ง ด้วยศักยภาพด้านภูมิศาสตร์ ขนาดตลาด ความร่วมมือระดับภูมิภาค และนโยบายรัฐสนับสนุน ASEAN อาจกลายเป็น “แม่เหล็กใหม่” ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากทั่วโลกได้แม้เศรษฐกิจโลกจะยังคงกีดกัน ผันผวน และไม่แน่นอนข้างหน้า หากประเทศ ASEAN ปรับตัวเชิงรุกบนความร่วมมือระดับภูมิภาคคว้าโอกาสนี้
ASEAN : จุดหมายใหม่ของเม็ดเงินลงทุนทางตรงในโลก
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ASEAN กลายเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่โดดเด่นในการรับเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment : FDI) ท่ามกลางความปั่นป่วนของภูมิรัฐศาสตร์โลก บริษัทข้ามชาติหลายแห่งเลือกใช้กลยุทธ์ Friend-shoring และ Near-shoring เพื่อกระจายความเสี่ยงจากจีนและประเทศที่มีความขัดแย้งทางการเมือง
แม้ภาพรวม FDI โลกในปี 2024 จะหดตัวลงถึง -11% ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง ภายใต้ความไม่แน่นอนของบรรยากาศลงทุนและความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ แต่ FDI กลับยังไหลเข้าภูมิภาค ASEAN เติบโตเฉลี่ย 10% โดยเฉพาะไทย (+32.5%) อินโดนีเซีย (+14.3%) เวียดนาม (+9.2%) และสิงคโปร์ (+5.9%) ตามรูปประกอบ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อภูมิภาคนี้ เช่นเดียวกับ FDI ไหลเข้าภูมิภาคอเมริกาเหนือ กลุ่ม USMCA (+23%) และแอฟริกาโต (+75%) ขณะที่หลายภูมิภาค FDI ไหลเข้าลดลงมาก เช่น จีน (-30%) อเมริกาใต้ (-18%) สหภาพยุโรป (-58%)
Trump 2.0 กับการเปลี่ยนทิศทางการลงทุนโลก
การกลับมาของประธานาธิบดีทรัมป์ในปี 2025 พร้อมนโยบาย “America First” ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อระบบการค้าโลกอีกครั้ง ด้วยการผลักดัน Reshoring การลงทุน การตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ และการเพิ่มสิทธิประโยชน์การลงทุน โดย White House เปิดเผยมูลค่าการลงทุนใหม่ในสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะเห็นภายใน 10 ปีข้างหน้าสูงถึงเกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ผลจากดีลที่ทรัมป์ตกลงกับรัฐบาลของหลายประเทศ ธุรกิจขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ และธุรกิจต่างชาติ
ภายใต้ทิศทางการค้าและการลงทุนที่เปลี่ยนไปเช่นนี้ ส่งผลให้บริษัทต่างชาติเริ่มมองหา “ฐานการผลิตสำรอง” นอกสหรัฐฯ และคาดว่าการย้ายฐานการผลิตมายัง ASEAN เพื่อรองรับตลาดสหรัฐฯ ในการผลิตสินค้าที่ยังได้เปรียบการแข่งขัน และการผลิตสินค้าป้อนตลาดโลก ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจของบริษัทต่างชาติ
บทบาทของ ASEAN Summit และ APEC Summit 2025
ปีนี้ ASEAN Summit จัดขึ้นที่มาเลเซีย ช่วงวันที่ 26–28 ตุลาคม 2025 และ APEC Summit 2025 จัดขึ้นที่เกาหลีใต้ ช่วงวันที่ 31 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2025 ทั้งสองเวทีเน้นการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และการส่งเสริมความร่วมมือด้านดิจิทัล พลังงานสะอาด และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของ FDI ใน ASEAN ในช่วงข้างหน้า
การประชุมในปีนี้มีความแตกต่างจากในอดีต 3 ประเด็นสำคัญ คือ
1. จัดขึ้นหลังมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของทรัมป์มีผล ทำให้ทุกประเทศต้องเร่งปรับตัว เช่น การปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่ การแบ่งขั้วทางภูมิรัฐศาสตร์เร่งตัวขึ้น และการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล บรรดาผู้นำประเทศต่าง ๆ ต่างหันมาเน้นสร้างเสถียรภาพและความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ
2. เน้นความร่วมมือเทคโนโลยีและพลังงานสะอาดมากขึ้น เป็นเครื่องยนต์ใหม่ของเศรษฐกิจโลก ต่างจากอดีตที่เน้นการค้าและการลงทุน ในปีนี้มีการผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และพลังงานสะอาดอย่างเป็นรูปธรรม โดย ASEAN Summit เน้นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในภูมิภาค ส่วน APEC Summit เน้นการสร้างพันธมิตรทางเทคโนโลยีระหว่างประเทศสมาชิก
3. ใช้เวทีการประชุมนี้สร้างพันธมิตรใหม่และกำหนดทิศทาง FDI เชิงรุก โดยเฉพาะประเทศใน ASEAN เปิดเวทีเจรจาสร้างพันธมิตรใหม่ ท่ามกลางการตกลงดีลการค้าชั่วคราวระหว่าง 2 มหาอำนาจสหรัฐฯ-จีน และข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีใต้ และชาติอื่น
ผลประชุม ASEAN Summit 2025 : CAFTA 3.0 เปิดประตูลงทุนกับจีนกว้างขึ้น
หนึ่งในผลลัพธ์สำคัญของการประชุม ASEAN Summit 2025 คือการบรรลุข้อตกลง CAFTA 3.0 (China–ASEAN Free Trade Area ฉบับปรับปรุง) ซึ่งนอกจากการเปิดตลาดสินค้าและบริการเพิ่มเติม การคุ้มครองการลงทุน และการอำนวยความสะดวกทางการค้าแล้ว ยังขยายความร่วมมือออกไปอีก 9 ด้านใหม่ ได้แก่ เศรษฐกิจดิจิทัล, เศรษฐกิจสีเขียว, การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน, มาตรฐานและการรับรอง, สุขอนามัยและพืช, พิธีการศุลกากร, การแข่งขันและการคุ้มครองผู้บริโภค, การสนับสนุน SMEs และความร่วมมือทางเศรษฐกิจและเทคนิค ซึ่งสะท้อนความมุ่งมั่นของทั้งสองฝ่ายในการสร้างระบบการค้าและการลงทุนที่ทันสมัยและยั่งยืนในภูมิภาค
พร้อมกันนี้ ASEAN ยังผลักดันกรอบความร่วมมือใหม่ 2 เรื่อง ได้แก่ 1) ASEAN Investment Facilitation Framework (AIFF) ซึ่งมุ่งเพิ่มความโปร่งใสของข้อมูลการลงทุน ลดขั้นตอนภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน และ 2) ASEAN Single Window for Investment ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลกลางที่รวบรวมข้อมูล กฎระเบียบ และบริการจากประเทศสมาชิก ช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงข้อมูลได้สะดวกและตัดสินใจลงทุนได้รวดเร็วขึ้น
ผลการประชุมครั้งนี้จึงส่งสัญญาณเชิงบวกต่อ FDI ใน ASEAN โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ยานยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่ง ASEAN มีศักยภาพในการรองรับและมีแนวโน้มจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง จากนโยบายสนับสนุนที่ชัดเจนของภาครัฐ
ผลประชุม APEC Summit 2025 : การแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์และโอกาส ASEAN
สาระสำคัญของการประชุม APEC Summit 2025 เน้น 3 เสาหลักคือ Connect, Innovate และ Prosper ภายใต้ธีม “Building a Sustainable Tomorrow” ครอบคลุมทั้งการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว (Green transition) และการเชื่อมโยงดิจิทัล (Digital connectivity) อย่างชัดเจน
โดยสหรัฐฯ เสนอกรอบความร่วมมือใหม่ ได้แก่ Indo-Pacific investment compact ที่มุ่งสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวและการผลิตที่ยืดหยุ่น เพื่อเสริมความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก โดยเน้นการลดความเสี่ยงจาก Supply chain ที่เปราะบาง และส่งเสริมการลงทุนในประเทศพันธมิตรในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก กรอบนี้ยังสอดคล้องกับแนวทางของ APEC ที่เน้นการลงทุนอย่างยั่งยืน การเปลี่ยนผ่านพลังงาน และการพัฒนาเทคโนโลยี AI ผ่าน APEC AI Initiative (2026–2030)
จีนใช้เวทีนี้เสนอความร่วมมือด้านเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เศรษฐกิจดิจิทัลและการเงินดิจิทัล พร้อมผลักดันการเชื่อมโยงกับกรอบ RCEP และ CAFTA 3.0 ที่เพิ่งอัปเกรด เพื่อรักษาบทบาทของจีนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ท่ามกลางการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์กับ
ASEAN จึงกลายเป็น “เวทีกลาง” ที่เชื่อมโยงโลกตะวันตกและโลกตะวันออก พร้อมแสดงศักยภาพของภูมิภาคในฐานะ “Hub” ของการลงทุนแห่งใหม่ของโลก ในบริบทที่นักลงทุนต้องการกระจายความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของนโยบายและภูมิรัฐศาสตร์โลก
โอกาสและความท้าทายของ FDI ใน ASEAN และไทย
ASEAN มีจุดแข็งด้านตลาดขนาดใหญ่ ทำเลเชิงยุทธศาสตร์เชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานโลกประเทศตะวันตกและตะวันออกได้ มีความร่วมมือระดับภูมิภาคกับกลุ่มเศรษฐกิจขนาดใหญ่อื่น และอยู่ในกลุ่ม Global South ที่มีศักยภาพเติบโตสูง
ประเทศไทยมีโอกาสจากการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในภูมิภาค การผลักดันนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลและความยั่งยืน เช่น อุตสาหกรรม Bio-Circular-Green (BCG) อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมีความท้าทายในด้านขาดแรงงานทักษะสูง เพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมใหม่แห่งอนาคตได้ทัน ความล่าช้าในการปรับปรุงกฎระเบียบภาครัฐ และความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้ประเทศเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยและนโยบายเศรษฐกิจดำเนินไม่ต่อเนื่อง
โอกาสใหม่ที่ ASEAN ต้องกล้าคว้า
ASEAN มีศักยภาพในการเป็น “ศูนย์กลางการลงทุนโลก” ด้วยจุดแข็งด้านภูมิศาสตร์ ขนาดตลาด และความร่วมมือระดับภูมิภาค แต่การรักษาความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวจำเป็นต้องมีแนวนโยบายเชิงรุก ดังนี้
1) ระดับภูมิภาค ASEAN :
1. เร่งพัฒนา ASEAN Investment Single Window โดยการสร้างแพลตฟอร์มกลางดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกนักลงทุนรวมข้อมูล กฎระเบียบ สิทธิประโยชน์ และบริการจากทุกประเทศสมาชิก
2. สร้างมาตรฐานร่วมด้านสิ่งแวดล้อมและดิจิทัล (ASEAN ESG & Digital Standards) เพื่อรองรับการลงทุนสีเขียวและเศรษฐกิจดิจิทัล ตลอดจนเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของ Supply chain ในภูมิภาค
3. เชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานข้ามพรมแดน โดยการพัฒนาโลจิสติกส์ การขนส่ง และพลังงานร่วมกัน รวมถึงการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค
4. ส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ผ่านการสร้างเครือข่าย AI, Cloud และ Data center ระดับภูมิภาค การสนับสนุนการพัฒนาแรงงานดิจิทัลและการวิจัยร่วม
2) ระดับประเทศไทย :
1. ปรับปรุงกฎระเบียบการลงทุนของภาครัฐให้ทันสมัย เอื้อให้ธุรกิจลงทุนคล่องตัวแข่งขันประเทศภูมิภาคได้ ด้วยการปรับลดขั้นตอนอนุมัติโครงการลงทุน ปรับปรุงระบบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง และการให้สิทธิประโยชน์การลงทุนรวดเร็วทันสมัย
2. พัฒนาแรงงานทักษะสูงรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น AI, EV, Biotech และ Logistics
3. สร้างแรงจูงใจใหม่สำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมอนาคตของประเทศ ผ่านการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น Tax credit, Fast-track licensing หรือ สิทธิประโยชน์จูงใจการลงทุนเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว (Green incentives) ดึงดูดการลงทุนใน BCG, Digital economy, EV supply chain
4. เสริมบทบาทไทยในฐานะศูนย์กลางโลจิสติกส์และการเชื่อมโยงภูมิภาค
ในโลกที่การแข่งขันดึงดูดการลงทุน FDI เข้มข้นขึ้นทุกวันเช่นนี้ ASEAN และไทยต้องไม่รอโอกาสเดินเข้ามาหา แต่ต้องสร้างโอกาสใหม่ ด้วยการยกระดับภูมิภาคให้เป็นจุดหมายปลายทางที่นักลงทุนทั่วโลกเลือกเป็นอันดับต้น ๆ อย่างต่อเนื่อง
เผยแพร่ในเว็บไซต์ Workpointtoday และเพจ TODAY Bizview เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2025