เชื่อ.. คิด.. ทำ...
Media lab เล่าผลงานวิชาการในรูปแบบที่ย่นย่อ เข้าถึงง่าย และนำไปต่อยอดได้ไม่ยาก ทำให้ถอดบทเรียนการสร้างนวัตกรรมเป็นสามคำ คือ เชื่อ คิด และทำ
ในวาระส่งท้ายปีเก่า เริ่มต้นปีใหม่ ขอกล่าวสวัสดีและอาราธนาพรอันประเสริฐจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แต่ละท่านเคารพนับถือโปรดดลบันดาลให้เรื่องร้ายผ่านพ้น ศานติสุขเกิดทุกแห่งหน พลโลกร่วมใจพัฒนายั่งยืน สมความมุ่งมาตรปรารถนาทุกประการ สำหรับบทความฉบับนี้ ผู้เขียนได้รับประสบการณ์พิเศษ ภายใต้การสนับสนุนของพี่เอก SCB Academy ซึ่งต้องขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ ให้เข้าร่วมงานเสวนา MIT Media Lab Southeast Asia Forum ที่ True Digital Park โดยมีธนาคารกรุงเทพและธนาคารกสิกรไทย (KBTG) เป็นเจ้าภาพและได้ระดมศิษย์เก่าของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) มาร่วมงานอย่างคับคั่ง สะท้อนศักยภาพของประเทศในการเป็นแหล่งบ่มเพาะนวัตกรและต่อยอดธุรกิจอย่างครบวงจรทั้งในภาควิชาการ การเงิน การผลิต และการค้า ผู้ร่วมงานส่วนใหญ่อายุไม่มาก แต่งกาย Smart casual ใส่สูทสีอ่อน ไม่ผูกเน็กไท ภาพประทับใจที่พบไปทั่วงาน คือ คนดังหน้าคุ้นถกความคิดและสร้างเครือข่ายธุรกิจกับดาวรุ่งดวงใหม่
โดยส่วนตัวแล้ว MIT Media Lab เป็นแรงบันดาลใจในการเขียนวิทยานิพนธ์เรื่อง Formation and sequencing of vertical research joint ventures ที่ศึกษากระบวนการสร้างและรักษาความร่วมมือในการนำงานวิจัยไปสร้างมูลค่าทางธุรกิจ ซึ่งในฐานะหนอนหนังสือได้หยิบยกกรณีศึกษา เครื่องอ่านหนังสือดิจิทัล หรือ eReader ที่ใช้เทคโนโลยี E-Ink ซึ่งถือกำเนิดในปี 1997 จากการทำงานของนักศึกษาปริญญาตรี MIT สองท่านและอาจารย์ที่ MIT Media lab โดยเริ่มใช้ในเครื่อง eReader ของ Sony ปี 2004 ก่อนที่จะเป็นที่รู้จักในวงกว้างในชื่อ Kindle ของ Amazon ปี 2007 ซึ่งในปัจจุบันนี้ E-Ink ไม่เพียงมีคุณสมบัติในการแสดงผลเหมือนกระดาษ ใช้พลังงานน้อยมาก แต่เพิ่มเติมสีสันจากเดิมที่เป็นขาวดำ และต่อยอดเป็นฟิล์มทำให้รถต้นแบบ BMW iX Flow concept สามารถเปลี่ยนสีผ่านสัมผัสปลายนิ้ว ซึ่งจัดแสดงในงาน CES 2022 ปีนี้
การรับฟังเจ้าของ Media lab ตัวเป็น ๆ มาเล่าผลงานวิชาการที่ไปไกลถึงระดับสร้างชุดนักบินอวกาศไปดาวอังคาร ในรูปแบบการเล่าที่ย่นย่อ เข้าถึงง่าย และนำไปต่อยอดได้ไม่ยาก ทำให้ถอดบทเรียนกระบวนการสร้างนวัตกรรมออกเป็นคำสามคำ คือ เชื่อ คิด และ ทำ
เริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามและความสนใจใคร่รู้ เชื่อว่าเป็นไปได้ ซึ่งผู้เขียนยังจำได้ว่าในวันที่นำหัวข้อวิทยานิพนธ์นี้ไปเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษา ท่านถามกลับว่าจะสนุกกับหัวข้อนี้ได้นานแค่ไหน ถ้าทำไปแล้วไม่คืบหน้าจะท้อถอยหรือไม่ ซึ่งผู้เขียนตอบไปทันทีในวันนั้นและจวบจนวันนี้ความรู้สึกก็ยังไม่เปลี่ยน คือ ยังมีฉันทะสุดหัวใจที่อยากจะทราบเคล็ดลับในการสร้างความร่วมมือจนทำให้นวัตกรรมเกิดประโยชน์จริง
เมื่อเชื่อแล้วก็ต้องคิด ไม่ใช่แค่คิดไปเอง แต่ต้องอาศัยระเบียบวิธีวิจัยซึ่งมีอยู่อย่างแพร่หลายและเข้าถึงได้ง่ายในยุคปัจจุบันเพื่อไตร่ตรองมองทะลุกรอบชุดความคิดเดิม ๆ ทบทวนจากการศึกษา ผลสำเร็จและข้อผิดพลาด และใคร่ครวญซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งในทางทฤษฎีและการค้าหาหลักฐานเชิงประจักษ์ ซึ่งเมื่อย้อนคิดแล้วพบว่าความรู้ที่ผู้เขียนได้จากภาคทฤษฎีในมหาวิทยาลัย เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความร่วมมือระหว่างทำงานในภาครัฐ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเกื้อหนุนให้เกิดความสำเร็จในการดำเนินการ หรือ Execute ในภาคเอกชนต่อไป
ขั้นตอนลงมือทำย่อมสำคัญที่สุด ดังกระแสพระราชดำรัส “โภคะทั้งหลาย มิได้…สำเร็จ ด้วยเพียงคิดเท่านั้น” กระบวนการสร้างความเชื่อมโยงและร่วมมือให้เกิดผลเป็นหัวใจหลัก ซึ่งการศึกษาของวิทยานิพนธ์ผู้เขียนพบว่าแม้กระทั่งความร่วมมือที่ล้มเหลวต้องมีอันแยกย้ายจากกันก็เป็นขั้นตอนสำคัญในการสนับสนุนให้นวัตกรรมถูกแปรรูปสร้างมูลค่า จนกลายเป็นคุณูปการให้กับนวัตกรเองและโลกในที่สุด
** บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัด **
_______________________________
เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คอลัมน์ “บางขุนพรหมชวนคิด” ฉบับวันที่ 24 ธันวาคม 2022