AI in Retail: Revolution or Hype? อนาคต AI กับค้าปลีก โอกาสหรือความท้าทาย
AI เข้ามามีบทบาทในธุรกิจค้าปลีกมากขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าการลงทุนใน AI ของธุรกิจค้าปลีกทั่วโลกในปี 2033 จะเพิ่มเป็น 1.27 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
“AI Won’t Replace Humans — But Humans With AI Will Replace Humans Without AI.”
Karim Lakhani, a professor at Harvard Business School, specializes in workplace technology, particularly AI.
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา AI ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในธุรกิจค้าปลีก โดยเฉพาะในกลุ่มร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ ที่มีการลงทุนเทคโนโลยีในร้านค้าปลีก เพื่อช่วยสร้างประสบการณ์ในการช็อปปิงให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะช่องทางออนไลน์หรือช่องทางออฟไลน์ ทั้งนี้จากรายงาน State of AI in Retail and Consumer Packaged Goods: 2024 Trends ของ NVIDIA บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ที่สำรวจผู้ประกอบการกว่า 400 ราย พบว่า 42% ของกลุ่มตัวอย่างดังกล่าวได้มีการนำ AI มาปรับใช้จริงในธุรกิจของตนเองแล้ว ขณะที่อีก 34% กำลังอยู่ในช่วงประเมินหรือทดลองใช้งาน นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบอีกว่า 3 เป้าหมายแรกของธุรกิจค้าปลีกที่ลงทุนในการนำ AI มาใช้ คือ 1) การวิเคราะห์ข้อมูลร้านค้าและข้อมูลเชิงลึก 2) การทำ Personalization และ Customization เพื่อให้คำแนะนำลูกค้าส่วนบุคคล และ 3) การทำโฆษณา จัดโปรโมชันและการตั้งราคา
บทบาทของ AI ในธุรกิจค้าปลีก
![pic-ai-in-retail.png]()
AI เข้ามามีบทบาทในธุรกิจค้าปลีกมากขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าการลงทุนใน AI ของธุรกิจค้าปลีกทั่วโลก จะเพิ่มจาก 9.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2023 เป็น 1.27 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2033 หรือมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 29.9% ต่อปี ผู้ประกอบการเชื่อว่า AI จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยจะช่วยยกระดับประสบการณ์ในการช็อปปิงและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ทั้งหน้าบ้าน หลังบ้าน และช่องทางออนไลน์ โดยผู้ประกอบการค้าปลีกสามารถนำ AI มาใช้ในการให้บริการและสร้าง Loyalty ให้กับลูกค้า เช่น Personalization หรือการแนะนำสินค้าส่วนบุคคล โดยจะวิเคราะห์ข้อมูลจากการซื้อสินค้าและการเข้าชมเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการซื้อสินค้าและกระตุ้นยอดขาย การให้คำแนะนำและให้บริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านแชตบอทและผู้ช่วยเสมือนที่ช่วยตอบคำถามและทำการสั่งซื้อได้ทุกเวลา รวมไปถึงการตั้งราคาแบบ Dynamic pricing ซึ่งจะเป็นการปรับราคาสินค้าอัตโนมัติแบบ Real time ตามการวิเคราะห์ข้อมูลความต้องการและข้อมูลทิศทางตลาด เพื่อเพิ่มอัตรากำไรและสร้างความภักดีต่อแบรนด์
นอกจากนี้ AI ยังสามารถช่วยงานหลังบ้านของธุรกิจค้าปลีกได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการจัดการสินค้าคงคลังผ่านการวิเคราะห์และคาดการณ์ความต้องการสินค้าที่แม่นยำจากข้อมูลการขาย ซึ่งช่วยลดปัญหาสินค้าหมดสต็อกและลดค่าใช้จ่ายจากการค้างสต็อก การวางแผนเส้นทางการจัดส่งสินค้าด้วย AI ที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าอย่างรวดเร็ว หรือแม้แต่การตรวจจับการทุจริตโดยใช้ AI ในการตรวจสอบธุรกรรมและการทำงานของระบบรักษาความปลอดภัยในร้านค้า ทั้งหมดนี้นอกจากจะสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าแล้ว ยังช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้จากผลสำรวจของ NVIDIA เกี่ยวกับผลลัพธ์จากการนำ AI มาใช้ในธุรกิจ พบว่าผู้ประกอบการราว 69% มีรายได้เพิ่มขึ้น และ 72% เห็นว่าการนำเอา AI มาใช้มีส่วนช่วยทำให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจลดลง
ปัญหาและอุปสรรคที่พบในการนำ AI มาใช้ในธุรกิจค้าปลีก
ถึงแม้การนำ AI มาช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและยกระดับธุรกิจค้าปลีกจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ปัจจุบันภาคธุรกิจยังต้องเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายที่สำคัญหลายประการ เช่น
1. ความเสี่ยงในเรื่องการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล การใช้ AI ในการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าอาจนำไปสู่ความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงจากการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดและการรั่วไหลของข้อมูล ไปจนถึงการขาดความโปร่งใสในการใช้ข้อมูล ซึ่งอาจนำไปสู่ข้อพิพาททางกฎหมาย การเสื่อมเสียชื่อเสียง และความไม่เชื่อมั่นจากลูกค้า
2. การขาดแรงงานทักษะและผู้เชี่ยวชาญ ถึงแม้ว่า AI จะเข้ามามีบทบาทในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของธุรกิจค้าปลีก แต่ยังจำเป็นต้องอาศัยผู้ที่มีความรู้ความชำนาญในการจัดการข้อมูลและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งาน ดังนั้น ธุรกิจจึงจำเป็นต้องอาศัยแรงงานที่มี AI literacy เช่น Data analysis หรือ Data management เป็นต้น รวมไปถึงการพัฒนาทักษะบุคลากรให้คุ้นเคยและสามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. คุณภาพของข้อมูลไม่เพียงพอ ในการนำ AI มาวิเคราะห์ข้อมูลให้แม่นยำมากที่สุด จะต้องอาศัยข้อมูลที่มีคุณภาพ ดังนั้น การจัดการกับข้อมูลที่มีจำนวนมากและมาจากหลากหลายแหล่งจึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย ซึ่งหากข้อมูลมีไม่มากพอหรือมีคุณภาพต่ำ ก็อาจนำไปสู่การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่ไม่มีประสิทธิภาพตามมาได้
4. การบูรณาการ AI กับระบบที่มีอยู่ การผสมผสาน AI เข้ากับระบบที่ร้านค้ามีอยู่เดิม เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่มีความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากธุรกิจค้าปลีกต้องออกแบบการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้สอดรับกับระบบที่มีอยู่เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ
5. ต้นทุนสูง การลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อนำมาใช้ในธุรกิจค้าปลีกนับเป็นการลงทุนที่สูง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนด้านอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ รวมไปถึงต้นทุนในการบำรุงรักษา ซึ่งต้นทุนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวอาจกลายเป็นข้อจำกัดสำหรับธุรกิจค้าปลีกในการนำ AI มาปรับใช้ในการดำเนินงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจรายย่อยที่มีทุนไม่หนา
AI เข้ามาเปลี่ยนโลกธุรกิจค้าปลีกได้จริงหรือไม่
Storyblok ผู้ให้บริการ Content management system สำหรับธุรกิจค้าปลีกเปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา ร้านค้าปลีกออนไลน์ในสหรัฐฯ ใช้เงินทุนเฉลี่ยราว 403,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในการพัฒนาหรือลงทุนด้าน AI เพื่อเพิ่มประสบการณ์การซื้อสินค้าให้กับลูกค้า สอดคล้องกับผลสำรวจของผู้บริหารธุรกิจ E-commerce ขนาดใหญ่และขนาดกลางในยุโรปและสหรัฐฯ กว่า 300 คน ที่พบว่า 97% เห็นว่า การลงทุนเพื่อนำ AI มาใช้ในธุรกิจค้าปลีกเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ขณะที่มีเพียงราว 1 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างที่สำรวจระบุว่า การนำ AI มาใช้สามารถช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการซื้อสินค้าให้ลูกค้าได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ธุรกิจค้าปลีกยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นในการนำเทคโนโลยี AI มาปรับใช้ แม้ว่าการประยุกต์ใช้ AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการ แต่ระดับความพร้อมในการลงทุนที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ที่มีเงินลงทุนทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ได้มากกว่า จึงมีความได้เปรียบเหนือผู้ประกอบการรายย่อย นอกจากนี้ แม้ว่าธุรกิจค้าปลีกจะนำ AI มาใช้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว และยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน แต่ AI ก็ยังไม่สามารถทดแทนมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อน เช่น การให้บริการลูกค้าและสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ซึ่งเป็นข้อจำกัดของ AI ที่ยังไม่สามารถทดแทน Human touch ได้ อย่างไรก็ดี การพัฒนาเทคโนโลยี AI อย่างต่อเนื่อง ทำให้ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นผู้ประกอบการนำศักยภาพของ AI มาใช้ในการพลิกโฉมธุรกิจค้าปลีกมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้การลงทุนใน AI จะคุ้มค่าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการที่ผู้ประกอบการสามารถเอาชนะความท้าทายและข้อจำกัดต่าง ๆ รวมถึงสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ในรูปแบบที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ของธุรกิจและความคาดหวังของลูกค้าได้
สำหรับในประเทศไทย ผู้ประกอบการค้าปลีกส่วนใหญ่โดยเฉพาะผู้เล่นรายใหญ่ได้มีการนำ AI มาใช้ในธุรกิจเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Chatbot เพื่อตอบคำถามพื้นฐานของลูกค้า การทำ Personalization เพื่อนำเสนอสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ที่ตรงกับความสนใจของลูกค้ามากที่สุด การนำเทคโนโลยีอย่าง AR มาปรับใช้ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์เสมือนจริงในการเลือกสินค้าอย่าง เฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า และเครื่องสำอาง รวมไปถึง การนำ Generative AI เข้ามาผสานกับ Personal shopper เพื่อทำให้การเลือกซื้อสินค้าไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อได้ว่าในอนาคตเราจะได้เห็นการนำ AI มาใช้ในธุรกิจค้าปลีกที่เข้มข้นขึ้นอย่างแน่นอน โดยอาจจะมาในรูปแบบการร่วมมือกับ Tech company รายใหญ่เพื่อสร้างประสิทธิภาพในการตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น
กล่าวโดยสรุป ธุรกิจค้าปลีกได้นำ AI มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ แต่ดูเหมือนว่าส่วนใหญ่แล้วยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และยังคงอยู่ระหว่างการค้นหาแนวทางที่เหมาะสมในการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่ได้มองว่า AI จะมาแทนที่มนุษย์ได้โดยสมบูรณ์ แต่เชื่อว่าจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเสริมศักยภาพการทำงานของมนุษย์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านที่ต้องอาศัยการตัดสินใจและความคิดสร้างสรรค์ แม้ว่าผลลัพธ์จากการลงทุนใน AI จะแตกต่างกันไปในแต่ละองค์กร แต่ผู้บริหารส่วนใหญ่ยังเห็นพ้องว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่จำเป็น และจะเข้ามามีบทบาทในธุรกิจค้าปลีกมากขึ้นในอนาคต การนำ AI มาใช้ในธุรกิจค้าปลีกไม่เพียงแต่ช่วยปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ ๆ เพื่อสร้างสรรค์และวางกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ ธุรกิจที่กล้าเสี่ยงและนำ AI มาใช้ก่อนจะมีความได้เปรียบในการแข่งขันในอนาคต
อ้างอิง
Howland, D. (2025, January 16). At NRF, 40,000 humans contemplate AI. Retail Dive. https://www.retaildive.com/news/retail-nrf-big-show-humans-contemplate-ai/737309/
Pangarkar, T. (2024, March 4). AI in Retail Market To Hit USD ~127 Billion by 2033. Market Scoop. https://scoop.market.us/ai-in-retail-market-to-hit-usd-127-2-billion-by-2033/
Retail To Lead Global AI Spending Reaches $35.8b - Competitor Monitor. (n.d.). Www.competitormonitor.com. https://www.competitormonitor.com/blog/retail-to-lead-global-ai-spending-reaches-35-8b/
Salpini, C. (2025, April 2). Retail leaders sound off on AI’s use-cases. Retail Dive. https://www.retaildive.com/news/retail-leaders-artificial-intelligence-use-cases-shoptalk/743800/
State of AI in Retail and CPG: 2024 Trends Survey Report. (n.d.). https://images.nvidia.com/aem-dam/Solutions/documents/retail-state-of-ai-report.pdf?ncid=pa-so-link-630560-vt23
Walk-Morris, T. (2025, April 29). Online retailers in the US spent an average of $400k on AI last year. Retail Dive. https://www.retaildive.com/news/online-retailers-spent-thousands-artificial-intelligence-customer-experience-tools/746579/
________
เผยแพร่ในวารสารการเงินธนาคารคอลัมน์เกร็ดการเงินประจำเดือนมิถุนายน 2025