SHARE
SCB EIC BRIEF
01 มิถุนายน 2023

น้ำลดตอผุดยุคดิจิทัล 4.0

สภาพคล่องในระบบการเงินโลกลดลง ภาวะการเงินโลกตึงตัวขึ้น ปัญหาสะสมในระบบการเงินโลกเริ่มแสดงให้เห็นคล้ายสำนวนไทยที่ว่า “น้ำลดตอผุด”

สภาพคล่องในระบบการเงินโลกลดลง ภาวะการเงินโลกตึงตัวขึ้น ปัญหาสะสมในระบบการเงินโลกเริ่มแสดงให้เห็นคล้ายสำนวนไทยที่ว่า “น้ำลดตอผุด” หลังเหตุการณ์ธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (นอนแบงก์) ในบางประเทศที่มีปัญหาขาดสภาพคล่องในช่วงปลายปีก่อน เช่น กองทุนบำนาญในประเทศอังกฤษ ก็มีเหตุการณ์ธนาคารบางแห่งในสหรัฐฯ และยุโรปล้มในช่วงปลายวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นตามมาในช่วงปีนี้

ยาแรงนโยบายการเงินโลกที่ตึงตัวเร็วเริ่มมีผลข้างเคียงเข้าให้แล้ว แม้หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะมาจากปัจจัย Trigger ต่างกันทำให้เจ้าหนี้/ผู้ลงทุนในตราสารทางการเงินของประเทศหรือของธุรกิจการเงินทั้งที่เป็นแบงก์และนอนแบงก์ไม่มั่นใจที่จะฝากเงินหรือลงทุนตราสารทางการเงินด้วย จนธุรกิจการเงินมีปัญหาขาดสภาพคล่อง และสร้างความตึงเครียดในระบบการเงิน (Financial stress) ตามมา บทความนี้วิเคราะห์ต้นเหตุ และความพร้อมในการเตรียมรับมือผลข้างเคียงจากทิศทางนโยบายการเงินโลกตึงตัวต่อเสถียรภาพระบบการเงินโลกที่อาจยังไม่จบลงเท่าที่เห็นนี้

‘เทคโนโลยีดิจิทัล’ ตัวกระเพื่อมน้ำลดตอผุด

น้ำลดตอผุดในยุคดิจิทัล 4.0 เห็นได้จากกลยุทธ์การบริหารสินทรัพย์และหนี้สินของธุรกิจการเงินที่ไม่ทันได้คำนึงถึงความเสี่ยงรอบด้าน ท่ามกลางนโยบายการเงินตึงตัวแรงและเร็วเป็นประวัติการณ์ จนเกิดผลขาดทุนจากความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยและสภาพคล่อง ที่สำคัญคือ “เทคโนโลยีดิจิทัล” ยังเป็นตัวการสำคัญที่เร่งให้สถานการณ์ขาดสภาพคล่องเกิดขึ้นปุบปับอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด หลังนักลงทุนหรือเจ้าหนี้รับรู้ถึงผลประกอบการที่ออกมาไม่ค่อยดีนัก ทำให้สถานการณ์ขาดสภาพคล่องเกิดขึ้นภายในเวลาสั้นขึ้นมากเทียบกับในอดีต

ปัญหาการบริหารความเสี่ยงในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ท่ามกลางกระแสการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลกันอย่างกว้างขวาง ส่งผลให้ระบบการเงินเผชิญความเปราะบางได้ง่ายขึ้นมาก โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่

1) มีต้นเหตุ Trigger ความเชื่อมั่นในการถือตราสารทางการเงินหรือฝากเงิน เช่น กรณีกองทุนบำนาญในอังกฤษประเภท Liability-Driven Investment (LDI) ที่ใช้กลยุทธ์ระดมเงินจากการกู้เงินเพื่อมาลงทุนในสัดส่วนสูงตั้งแต่ยุคดอกเบี้ยต่ำมาก ๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงขึ้น ในภาวะที่ Bond yields ดีดตัวสูงหลังเหตุการณ์ Mini Budget ราคาพันธบัตรปรับลดลงตา ทำให้กองทุนบำนาญประเภท LDI เผชิญผลขาดทุน Mark-to-market losses จากการลงทุนพันธบัตรรัฐบาลไว้ในสัดส่วนสูงจนถูกเรียกหลักประกันเพิ่ม (Margin and collateral calls) ทำให้เกิดปัญหาขาดสภาพคล่องตามมา และต้องขายพันธบัตรรัฐบาลที่ถือไว้ก่อนครบกำหนดเพื่อเสริมสภาพคล่อง แทนการระดมทุนเพิ่มซึ่งทำได้ไม่ง่ายในภาวะต้นทุนดอกเบี้ยแพงขึ้นมากเช่นนี้

หรือกรณีบางธนาคารในสหรัฐฯ บริหารความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยผิดพลาด ลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนคงที่ในสัดส่วนสูง ไม่สมดุลกับสัดส่วนหนี้สินที่จ่ายดอกเบี้ยลอยตัวตามทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้เกิดความเสี่ยงสภาพคล่องตามมา โดยเฉพาะบางธนาคารที่มีลักษณะพิเศษเงินฝากกระจุกตัวมากในกลุ่มลูกค้าธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Silicon Valley Bank (SVB) และ Signature Bank

2) เทคโนโลยีดิจิทัลเอื้อให้การสื่อสารข่าวลบผ่านสื่อโซเชียลไวขึ้น ทำให้เจ้าหนี้ขาดความเชื่อมั่นเทขายตราสารทางการเงินหรือถอนเงินออกรวดเร็วขึ้น เช่น กรณีการเร่งเทขายพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษของนักลงทุนจนทำให้กองทุนบำนาญที่ถือพันธบัตรอยู่เยอะถูกเรียกหลักประกันเพิ่มจำนวนมากขึ้นภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ หรือกรณี SVB มีเงินฝากไหลออก 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในวันเดียวหรือ 23% ของเงินฝากธนาคารทั้งหมด สาเหตุหลักข้อหนึ่งเพราะธนาคารมีสัดส่วนเงินฝากที่ไม่ได้รับการค้ำประกัน (Uninsured deposit) สูงเกิน 85% เทียบค่าเฉลี่ยสัดส่วนเงินฝากนี้ของระบบธนาคารในสหรัฐฯ ณ สิ้นปี 2022 ที่ 40%

กลไกภาครัฐเตรียมรับมือผลข้างเคียงของนโยบายการเงินตึงตัวแรง

สถานการณ์ตึงเครียดทางการเงินที่เกิดขึ้นเป็นบททดสอบว่า ระบบการเงินของแต่ละประเทศมีกลไกภาครัฐที่วางไว้เพื่อรับมือกับปัญหาสภาพคล่องตึงตัวได้ดีแค่ไหน โดยธนาคารกลางมีบทบาทเป็นแหล่งพึ่งพาสุดท้ายเพื่อช่วยเหลือในยามตลาดการเงินขาดสภาพคล่อง (Market-makers of last resort) ผ่านการรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลจากธุรกิจตัวกลางทางการเงินที่สภาพคล่องไม่พอ เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาตลาดพันธบัตรรัฐบาลตึงตัวลุกลามไปถึงผู้เล่นที่ไม่ใช่สถาบันการเงินรายอื่นหรือตลาดสินทรัพย์ทางการเงินประเภทอื่นด้วย อีกทั้ง ธนาคารกลางยังมีบทบาทเป็นผู้ให้กู้ยืมแหล่งสุดท้าย (Lender of Last Resort) ผ่านการให้ตัวกลางทางการเงินที่มีปัญหาเข้าถึงสภาพคล่องรายวันของธนาคารกลางได้เป็นกรณีพิเศษ โดยเฉพาะกลุ่มตัวกลางทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารที่ปกติจะไม่สามารถเข้าถึงกลไกนี้ได้ในเวลาปกติ นอกจากนี้ ยังมีอีกเครื่องมือหนึ่งของภาครัฐ นั่นคือ กลไกการรับประกันเงินฝาก ที่มีบทบาทลดสถานการณ์ตึงเครียดในระบบการเงินของสหรัฐฯ สามารถสร้างความมั่นใจให้ผู้ฝากเงินให้กลับมาได้ทันเวลา

ยกตัวอย่างกรณีสหรัฐฯ Fed เพิ่มกลไกเข้าถึงสภาพคล่องของธนาคารกลาง (Bank Term Funding Program: BTFP) เป็นกรณีพิเศษ เพื่อลดปัญหาขาดสภาพคล่อง สถาบันการเงินไม่ต้องเร่งเทขายตราสารการเงินคุณภาพดีออกมาทำให้ราคาตลาดตก จากข้อมูล ณ เดือน เม.ย. พบว่ามีการขอกู้สภาพคล่องผ่าน BTEP กว่า 8.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ยังมีกลไกประกันเงินฝากที่มีอยู่เดิมภายใต้ Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) อุ้มผู้ฝากเงินทุกรายของ SVB และ Signature Bank ด้วยเหตุผลในการป้องกันความเสี่ยงเชิงระบบ (Systematic risk exceptions) ด้วยการประกันเงินฝากทุกบัญชี ไม่เฉพาะบัญชีเงินฝากไม่ถึง 250,000 ดอลลาร์ตามเกณฑ์ที่วางไว้ เพื่อไม่ให้ความตื่นตระหนกของผู้ฝากเงินในบางธนาคารขยายวงกว้างจนกลายเป็นความเสี่ยงทั้งระบบการเงินของสหรัฐฯ ได้

มูลค่าเงินฝากของ SVB และ Signature Bank ที่ FDIC เข้าค้ำประกันรวม 2.64 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงเป็นอันดับสองและสามนับตั้งแต่ก่อตั้ง FDIC ขึ้นมาในปี 1933 การอุ้มเงินฝากทุกบัญชีครั้งนี้สร้างคำถามตามมามาก เพราะเลือกปฏิบัติขัดกับหลักการแรกเริ่มจัดตั้ง ซึ่งต้องการเน้นช่วยเหลือผู้ฝากเงินรายย่อยสัดส่วนใหญ่ของจำนวนบัญชีเงินฝาก หลักการอีกข้อคือ ต้องไม่บิดเบือนแรงจูงใจของธนาคาร (Moral hazard) ทำให้กล้าเสี่ยงมากไป (Risk-taking) FDIC ออกรายงานว่า ถึงเวลาที่จะต้องปรับเกณฑ์กำกับดูแลและปฏิรูประบบประกันเงินฝากให้ทันสมัย เพราะการเร่งแห่ถอนเงินฝากที่เกิดขึ้น สะท้อนว่าเกณฑ์กำกับดูแล ตรวจสอบ และประเมินการบริหารความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของระบบธนาคารต้องปรับให้ทันยุค นอกจากนี้ FDIC จำเป็นต้องปฏิรูปความครอบคลุมของการประกันเงินฝาก โดยเสนอ 3 แนวทางปฏิรูป ได้แก่

1) Limited coverage ครอบคลุมจำกัดวงเงินฝากไว้เช่นเดิม แต่ขยายเพดานค้ำประกัน 2) Unlimited coverage ขยายความครอบคลุมทุกบัญชีเงินฝากไม่จำกัดวงเงิน วิธีนี้จะเพิ่ม Moral hazard พฤติกรรมผู้ฝากเงินและผู้ลงทุนในตลาดการเงิน รวมถึงสร้างต้นทุนต่อประเทศสูง 3) Targeted coverage ขยายความครอบคลุมการรับประกันเงินฝากให้แตกต่างกัน เช่น บัญชีเงินฝากของธุรกิจที่ไว้จ่ายชำระ (Non-interest checking account) ควรได้รับการคุ้มครองวงเงินสูงกว่า ทั้งนี้ FDIC เสนอว่าแนวทางที่ 3) เป็นไปได้สูงสุด เพราะช่วยรักษาเสถียรภาพระบบการเงินพร้อมจำกัดผลข้างเคียง Risk-taking ในระบบธนาคาร และพฤติกรรมผู้เล่นในตลาดการเงินได้

FDIC ยังเสนอให้ทบทวนหรือออกเครื่องมือกำกับดูแลและตรวจสอบเพิ่มเพื่อเสริมประสิทธิภาพกลไกประกันเงินฝาก เช่น 1) ปรับเกณฑ์กำกับดูแล เช่น เกณฑ์เงินทุนสำรองที่คำนึงถึงผลกำไรขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการถือตราสารหนี้ให้ครบอายุ (Net unrealized holding loss of hold-to-maturity debt securities) เกณฑ์สภาพคล่องที่จำกัดการพึ่งพา Uninsured deposits ของธนาคาร การบริหารความเสี่ยงดอกเบี้ยในบัญชีธนาคาร 2) กำหนดราคาประกันเงินฝาก (Deposit guarantee pricing) ให้อิงความเสี่ยง (Risk-based pricing) ในระบบธนาคาร และควรคำนึงถึงโครงสร้างหนี้สินของธนาคารและความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยด้วย และ 3) ความเพียงพอของเงินกองทุน เช่น การพิจารณาสินทรัพย์ค้ำประกันเพิ่มเติมสำหรับบัญชีเงินฝากขนาดใหญ่ที่เป็น Unsecured deposit

ความตึงเครียดในระบบการเงินโลกที่เกิดขึ้นนี้สะท้อนว่า ไม่ว่าแบงก์หรือนอนแบงก์ ขนาดใหญ่หรือเล็ก หากปล่อยให้ขาดสภาพคล่องอาจทำให้เกิดปัญหาเสถียรภาพเชิงระบบตามมาได้ เพราะมีความเชื่อมโยงในระบบการเงินกันอย่างซับซ้อน ภาครัฐอาจไม่สามารถปล่อยให้ธุรกิจตัวกลางทางการเงินล้มง่ายเช่นในอดีต และพยายามหาเครื่องมือหลากหลายมาใช้ได้ทันการณ์และเพียงพอ รวมถึงทบทวนเครื่องมือและเกณฑ์กำกับดูแลตรวจสอบเพื่อให้กลไกรองรับของภาครัฐปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น มองไปข้างหน้ากลไกการเข้าช่วยเหลือของภาครัฐดูจะกำลังเปลี่ยนโฉมจาก Too big to fail เป็น Too much systemic risk to fail ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้บรรดาผู้เล่นในระบบการเงินของแต่ละประเทศได้มากขึ้นค่ะ

** บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัด **

เอกสารอ้างอิง
Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC), “Options for Deposit Insurance Reform”, 1May2023
International Monetary Fund, “Nonbank Financial Intermediaries: Vulnerabilities Amid Tighter Financial Conditions,” Chapter 2 of Global Financial Stability Report, April 2023

________
เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คอลัมน์ “บางขุนพรหมชวนคิด” ฉบับวันที่ 13 พฤษภาคม 2023

ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ยอมรับ