ทองแดง : บทบาทและความท้าทายในยุค Energy transition
ความเสี่ยงที่อุปทานทองแดงโตไม่ทันอุปสงค์จาก Energy transition นั้น อาจทำให้ผู้ประกอบการที่ใช้ทองแดงเป็นวัตถุดิบเผชิญความท้าทายด้านแนวโน้มราคาวัตถุดิบ
การเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานไปสู่พลังงานสะอาด หรือ Energy transition เพื่อมุ่งสู่ Net zero จะก่อให้เกิดการลงทุนครั้งใหญ่ทั่วโลก โดยเฉพาะในพลังงานหมุนเวียนและรถยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicles – BEVs) โดยหนึ่งในความท้าทายของ Energy transition ที่มีการกล่าวถึงกันมากขึ้นคือ ความต้องการใช้ทองแดงที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากการคาดการณ์ของ Goldman Sachs อุปสงค์ทองแดงโลกจาก Energy transition ในปี 2030 นั้นคาดว่าจะสูงถึง 6.6 ล้านตัน ซึ่งคิดเป็น 16% ของความต้องการใช้ทองแดงทั้งหมด เมื่อเทียบกับเพียง 4% ในปี 2021
อุปทานทองแดงโลกกำลังอยู่ในภาวะตึงตัว
อย่างไรก็ตาม อุปทานทองแดงโลกนั้นกำลังอยู่ในภาวะตึงตัว โดยในปี 2022 ที่ผ่านมานั้น สต็อกทองแดงบริสุทธิ์แคโทด (Cathode) ของโลกอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 14 ปี และจำนวนการอนุมัติการขึ้นเหมืองทองแดงใหม่นั้นอยู่ในระดับที่ต่ำมากในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่การลงทุนขึ้นเหมืองทองแดงใหม่นั้นต้องเผชิญกับความท้าทายจากเงินลงทุนที่จำเป็นต้องสูงกว่าเดิมเนื่องจากปัญหาเกรดแร่ทองแดงที่ลดลง และความกังวลของผู้ลงทุนต่อความไม่แน่นอนทางการเมือง และนโยบายด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมในแหล่งแร่ทองแดงที่สำคัญของโลกอย่างชิลีและเปรู จากปัจจัยข้างต้น ตลาดทองแดงโลกจึงตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะเกิดช่องว่างระหว่างอุปสงค์และอุปทาน (Demand-supply gap) โดย Goldman Sachs ประมาณการว่า Gap นั้นจะถ่างขึ้นเรื่อย ๆ และจะมากถึง 7.8 ล้านตันในปี 2023 อย่างไรก็ดี ทองแดงเป็นโลหะที่สามารถนำมารีไซเคิลได้โดยแทบไม่เสียคุณภาพไป ทองแดงรีไซเคิลจากเศษทองแดงเก่า หรือ Secondary copper นั้นจึงมีแนวโน้มที่จะเป็นแหล่งอุปทานที่จะมีบทบาทมากขึ้นในอนาคต
ไทยมีแนวโน้มต้องการใช้ทองแดงมากขึ้น
สำหรับไทย อุปสงค์ทองแดงหลัก ๆ มาจาก 3 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ ก่อสร้าง อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ ซึ่งรัฐบาลไทยนั้นได้มีมาตรการผลักดันอุตสาหกรรมรถ BEVs โดยได้ออกเงื่อนไขให้ค่ายรถที่มีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนจะต้องผลิตรถชดเชยต่อการนำเข้ารถ CBU และต้องผลิตหรือใช้แบตเตอรี่ที่ผลิตในประเทศ ซึ่งการผลิตรถ BEVs จะใช้ปริมาณทองแดงเพิ่มขึ้น 3.6 เท่าต่อคันเมื่อเทียบกับการผลิตรถยนต์สันดาปภายใน (ICEs) ในรูปของสายไฟและฟอยล์สำหรับแบตเตอรี่ ทำให้ความต้องการใช้ทองแดงของประเทศนั้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมทองแดงของไทยมีเพียงผู้ผลิตกลางน้ำและปลายน้ำเท่านั้น โดยที่ผู้ผลิตขนาดใหญ่ซึ่งมีโรงหลอมเป็นของตัวเองจะนำเข้าทองแดงบริสุทธิ์แคโทดจากต่างประเทศ หรือใช้เศษที่เหลือจากการผลิตของโรงงานเองมาหลอม เพื่อนำมาใช้ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ทองแดง ซึ่งผู้ผลิตขนาดกลางและผู้ผลิตปลายน้ำจะนำเอาผลิตภัณฑ์ทองแดงเหล่านั้นมาผลิตต่อไป ด้วยพื้นฐานการผลิตที่ต้องพึ่งพาการนำเข้า ส่งผลให้ต้นทุนของผู้ผลิตทองแดงไทยจะขึ้นอยู่กับตลาดทองแดงโลก ส่วนการผลิต Secondary copper ในประเทศนั้น เนื่องจากการขึ้นโรงหลอมเพื่อทำการรีไซเคิลจำเป็นต้องมีเงินทุนที่สูง ส่วนใหญ่จะมีเพียงผู้รับซื้อเศษทองแดงเก่าแล้วนำไปขายต่อ ไม่ได้มีผู้ผลิตที่นำเอาเศษทองแดงเก่ามารีไซเคิลเพื่อเป็นปัจจัยการผลิตใหม่ อย่างไรก็ดี ความสำคัญของเศษทองแดงเก่าในมุมของผู้ค้าขยะนั้นมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสะท้อนผ่านราคารับซื้อเศษทองแดงเก่าที่อยู่ในระดับสูงกว่าช่วงก่อน COVID-19 และเทรนด์ปริมาณการส่งออกเศษทองแดงเก่า โดยเฉพาะไปยังจีนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ความเสี่ยงจากการที่อุปทานทองแดงโตไม่ทันอุปสงค์
ความเสี่ยงที่อุปทานทองแดงจะโตไม่ทันอุปสงค์จาก Energy transition นั้น อาจส่งผลให้ผู้ประกอบการที่ใช้ทองแดงเป็นวัตถุดิบเผชิญความท้าทายในด้านแนวโน้มราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น ความผันผวนของราคา และปัญหา Supply shortages โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้ทองแดงในการผลิตควรเตรียมรับมือและปรับตัวต่อต้นทุนทองแดงที่อาจจะสูงขึ้น และวางแผนการจัดหาทองแดงโดยคำนึงถึงความเสี่ยงด้านอุปทานและราคาที่อาจจะผันผวนมากขึ้นเพื่อลดผลกระทบต่อธุรกิจและรักษาความสามารถในการแข่งขัน ในขณะเดียวกัน ภาครัฐควรคำนึงถึงบทบาทของทองแดงต่อ Energy transition และความท้าทายจากภาวะอุปทานทองแดงตึงตัวต่อการผลักดันนโยบายที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาด โดยพิจารณาบทบาทของ Secondary copper ว่ามีความคุ้มค่าที่จะผลักดันให้เกิดการลงทุนในธุรกิจรีไซเคิลเศษทองแดงเก่าในไทย และการนำเศษทองแดงเก่ามาใช้เป็นปัจจัยการผลิตภายในประเทศแทนการส่งออกนั้น เป็นเรื่องที่ควรจะศึกษา เพื่อรักษาศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในการเป็นฐานการผลิตรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการสร้าง Closed loop ของการใช้ Secondary copper ในประเทศตามนโยบาย Circular economy อีกด้วย
________
เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ประชาชาติ คอลัมน์มองข้ามชอต วันที่ 22 มีนาคม 2023