ผู้แต่ง : ธนกร ลิ้มวิทย์ธราดล และ พรเทพ ชูพันธุ์
![477529807-s.jpg]()
![Event.png]() |
![885_20100622103059.gif]()
|
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25 basis points (bps) เป็น 3.25%
|
![Analysis.png]() |
![884_20100622103051.gif]()
|
- เหตุจากวิกฤติน้ำท่วมส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคอุตสาหกรรม โดยน้ำได้เข้าท่วมเขตนิคมอุตสาหกรรมที่สำคัญของไทย ซึ่งทำให้โรงงานจำนวนมากต้องหยุดการผลิต ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมล่าสุดเดือนตุลาคมหดตัวถึง 35.8%YOY (เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน) และกระทบต่อการจ้างงานและการส่งออก ทั้งนี้ EIC ประเมินว่าในไตรมาสที่ 4 เศรษฐกิจไทยจะหดตัวราว 2-3%YOY และส่งผลให้ทั้งปี 2554 เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพียง 1.8%
- ครั้งนี้ ธปท. ให้น้ำหนักกับความเสี่ยงในการเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่าความเสี่ยงทางด้านเงินเฟ้อ ธปท. ประเมินว่า GDP ปี 2554 จะขยายตัวราว 1.8% โดยมองว่า "ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะชะลอลงมีมากขึ้น และความเชื่อมั่นของภาคเอกชนยังอ่อนแอ ส่วนแรงกดดันด้านราคายังมีอยู่ แต่ไม่น่าจะเร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง" ดังนั้นคณะกรรมการ นโยบายการเงิน (กนง.) จึงมีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 bps เป็น 3.25% เพื่อช่วยลดต้นทุนทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการในการฟื้นฟูความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วม
- แต่อัตราดอกเบี้ยน่าจะลดลงได้อีกไม่มากนัก โดย EIC มองว่าแรงกดดันเงินเฟ้อจะยังคงไม่หมดไปในระยะข้างหน้า เนื่องจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและการรับจำนำข้าวจะทำให้เงินเฟ้อไม่ลดลงมากนัก ในขณะที่เมื่อสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย ภาคการผลิตน่าจะสามารถฟื้นคืนกลับมาได้ หากเศรษฐกิจโลกไม่ถดถอยรุนแรงนักความจำเป็นในการลดดอกเบี้ยจะน้อยลง
ตารางสรุปคำแถลงการณ์ของ ธปท. เทียบกับการประชุมครั้งก่อน
หัวข้อ
|
การประชุมครั้งก่อน (19 ต.ค. 2011)
|
การประชุมครั้งนี้ (30 พ.ย. 2011)
|
เศรษฐกิจโลก
|
ภาพรวม: "อ่อนแอลงจากปัญหาหนี้สาธารณะใน กลุ่มประเทศยูโรที่ยังไม่มีทางออก ชัดเจน" สหรัฐฯ: "ความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยมี มากขึ้น" ยุโรป: "กังวลปัญหาหนี้ลุกลามเข้าสู่ภาค การธนาคารและภาคเศรษฐกิจจริง" เอเชีย: "การส่งออกชะลอตัว แต่อุปสงค์ใน ประเทศยังเติบโตได้และฐานะ การคลังยังดี" จับตาดู: "ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป" |
ภาพรวม: "อ่อนแอลงจากปัญหาหนี้สาธารณะยุโรป ส่งผลกระทบต่อภาคการเงินของ ประเทศหลัก" สหรัฐฯ: "กระเตื้องขึ้นบ้าง แต่ความเชื่อมั่นต่ำและ ตลาดแรงงานซบเซา" ยุโรป: "มีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้น" เอเชีย: "ชะลอลงจากการส่งออก แต่อุปสงค์ใน ประเทศยังเติบโตได้" จับตาดู: "ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป"
|
เศรษฐกิจไทย
|
"เศรษฐกิจไทยยังขยายตัว แต่การส่งออกเริ่มแผ่วลงตามเศรษฐกิจต่างประเทศ ในขณะที่อุปสงค์ในประเทศยังดีทั้งนี้อุทกภัยทำให้การขยายตัวในช่วงเวลาที่เหลือของปีต่ำกว่าที่คาดไว้มาก แต่การบูรณะซ่อมแซมจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ให้กลับมาขยายตัวในระยะต่อไป"
|
"ปัญหาอุทกภัยส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยรุนแรง การผลิตบางส่วนหยุดชะงัก ทำให้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกและความเชื่อมั่นของเอกชน คาดผลจากอุทกภัยจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้มาก"
|
สถานการณ์เงินเฟ้อ
|
"แม้ราคาน้ำมันลดลงและการคาดการณ์เงินเฟ้อที่ทรงตัว จะช่วยลดโอกาสที่อัตราเงินเฟ้อจะเร่งขึ้นบ้าง แต่ยังมีความเสี่ยงเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายที่จะสูงขึ้นหลังน้ำลด"
|
"แม้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังมีอยู่จากนโยบายรัฐและการฟื้นฟูหลังน้ำลด แต่เศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอจะลดแรงกดดันเงินเฟ้อ ความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะเร่งขึ้นจนบั่นทอนเสถียรภาพเศรษฐกิจจึงมีไม่มาก"
|
อัตราดอกเบี้ยนโยบาย
|
มติ 6 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3.50% (1 เสียงให้ลด 25 bps) |
มติ 5 ต่อ 2 ให้ลดอัตราดอกเบี้ย 25 bps เป็น 3.25% (2 เสียงให้ลด 50 bps)
|
|
|
![Implication.png]() |
![886_20100622103105.gif]()
|
- คงมุมมองอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.75-3.00% ภายในสิ้นปี 2012 ทั้งนี้จากมุมมองเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อข้างต้น ทำให้ EIC คาดว่า ธปท. ไม่น่าจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมากนักจากระดับปัจจุบัน
- อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยนโยบายยังมีความเสี่ยงขาลง หากเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปถดถอยรุนแรงจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมาก และส่งผลให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวตามไปด้วย ซึ่งอาจทำให้ ธปท. ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงไประดับต่ำกว่าที่เราคาด
|