ผู้แต่ง : ธนกร ลิ้มวิทย์ธราดล และ พรเทพ ชูพันธุ์
![156279982.jpg]()
![Event.png]() |
![885_20100622103059.gif]()
|
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25 basis points (bps) จาก 3.25% เหลือ 3.00%
|
![Analysis.png]() |
![884_20100622103051.gif]()
|
- ธปท. มองว่าผลจากวิกฤติน้ำท่วมสร้างความเสียหายมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมาทำให้ภาค
การผลิตอุตสาหกรรมเสียหายอย่างหนัก โดยตัวเลขดัชนีอุตสาหกรรม (MPI) ในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนหดตัวถึง 35.8% และ 48.6%YOY ในขณะที่การฟื้นตัวของภาคการผลิตก็เป็นไปได้ช้ากว่าที่คาด ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งให้ ธปท. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาได้เร็วขึ้น
- ธปท. ให้ความสำคัญกับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจมากกว่าความเสี่ยงทางด้านเงินเฟ้อ แม้ ธปท. มองว่าความเสี่ยง
ทางด้านเงินเฟ้อยังคงมีอยู่บ้างแต่เริ่มปรับลดลง ในขณะที่ความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การถดถอยของเศรษฐกิจยุโรปอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจไทยผ่านการส่งออกที่ชะลอตัว
ตารางสรุปคำแถลงการณ์ของ ธปท. เทียบกับการประชุมครั้งก่อน
หัวข้อ
|
การประชุมครั้งก่อน (30 พ.ย. 2011)
|
การประชุมครั้งนี้ (25 ม.ค. 2012)
|
เศรษฐกิจโลก
|
ภาพรวม: "อ่อนแอลงจากปัญหาหนี้สาธารณะยุโรป ส่งผลกระทบต่อภาคการเงินของ ประเทศหลัก" สหรัฐฯ: "กระเตื้องขึ้นบ้าง แต่ความเชื่อมั่นต่ำและ ตลาดแรงงานซบเซา" ยุโรป: "มีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้น" เอเชีย: "ชะลอลงจากการส่งออก แต่อุปสงค์ใน ประเทศยังเติบโตได้" จับตาดู: "ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป"
|
ภาพรวม: "เศรษฐกิจโลกอ่อนแอลง" สหรัฐฯ: "สัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น แต่ขยายตัวต่ำกว่า ศักยภาพเนื่องจากข้อจำกัดด้าน การคลัง" ยุโรป: "คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอย" เอเชีย: "ชะลอลงตามการส่งออกแต่ไม่มากนัก" จับตาดู: "ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป"
|
เศรษฐกิจไทย
|
"ปัญหาอุทกภัยส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยรุนแรง การผลิตบางส่วนหยุดชะงัก ทำให้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกและความเชื่อมั่นของเอกชน คาดผลจากอุทกภัยจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้มาก"
|
"อุทกภัยส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ครั้งก่อน และการฟื้นฟูน่าจะช้ากว่าที่เคยประเมินไว้ ทั้งนี้ มาตรการภาครัฐและความเชื่อมั่นภาคเอกชนที่กระเตื้องขึ้นจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และรองรับการชะลอตัวของการส่งออก "
|
สถานการณ์เงินเฟ้อ
|
"แม้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังมีอยู่จากนโยบายรัฐและการฟื้นฟูหลังน้ำลด แต่เศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอจะลดแรงกดดันเงินเฟ้อ ความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะเร่งขึ้นจน บั่นทอนเสถียรภาพเศรษฐกิจจึงมีไม่มาก"
|
"แรงกดดันด้านเงินเฟ้อปรับลดลงจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศที่ช้ากว่าที่คาด ประกอบกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิดชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลก แต่นโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายและลงทุนของภาครัฐจะเป็นปัจจัยเสี่ยงด้านเงินเฟ้อในระยะต่อไปให้ยังคงมีอยู่บ้าง"
|
อัตราดอกเบี้ยนโยบาย
|
มติ 5 ต่อ 2 ให้ลดอัตราดอกเบี้ย 25 bps เป็น 3.25% (2 เสียงให้ลด 50 bps) |
มติเอกฉันท์ให้ปรับลด 25 bps เป็น 3.00%
|
|
|
![Implication.png]() |
![886_20100622103105.gif]()
|
- อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 3.00% ตามที่เราคาดการณ์ไว้ และหากเป็นไปตามที่ ธปท. ประเมิน การผ่อนคลายดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้จะสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับสู่ระดับปกติได้เร็วขึ้น ในขณะที่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อแม้จะมีไม่มากแต่อัตราเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าอัตราดอกเบี้ย ทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบ ดังนั้น ในระยะต่อไป ปัจจัยในประเทศจึงอาจไม่สนับสนุนให้ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกมากนัก
- จับตาดูความเสี่ยงจากภายนอกประเทศ จากแถลงการณ์ของ ธปท. มีความกังวลค่อนข้างมากต่อปัญหาเศรษฐกิจโลกที่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปน่าจะยังคงยืดเยื้อและมีความไม่แน่นอนสูง อีกทั้งเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ถึงแม้จะมีสัญญาณดีขึ้นบ้าง แต่ก็ยังมีความอ่อนแอด้านการคลัง ดังนั้นถ้าหากเศรษฐกิจยุโรปถดถอยรุนแรงจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโลกรวมถึงเศรษฐกิจไทยด้วย ทำให้ ธปท. อาจมีความจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
|