SHARE
OUTLOOK:EUROZONE ECONOMY
15 มีนาคม 2021

เศรษฐกิจยูโรโซน

การฟื้นตัวชะลอลงจากการระบาดระลอกใหม่และการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า

เผยแพร่ใน EIC Outlook ฉบับไตรมาส 1/2021  คลิกอ่านฉบับเต็ม 


เศรษฐกิจยูโรโซนหดตัวลงอีกครั้งหลังมีการระบาดระลอกที่สองของ COVID-19
โดยในไตรมาส 4 ปี 2020 หดตัวลง -0.7%QOQ SA (หรือ -5.1%YOY) หลังขยายตัวถึง 12.4%QOQ SA ในไตรมาส 3 (ทั้งปีหดตัว -6.8%YOY) โดยการหดตัวมาจากมาตรการปิดเมืองที่เข้มงวดขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ดี มาตรการที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นในรอบนี้ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหดตัวน้อยกว่าการปิดเมืองรอบก่อน เนื่องจากกิจกรรมภาคการผลิตส่วนมากยังดำเนินการได้อยู่ สะท้อนจากดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพฤศจิกายนที่หดตัวลงเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ประเทศหลัก ๆ ในกลุ่มยูโรโซนยังมีแนวโน้มฟื้นตัวแตกต่างกัน โดยประเทศที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นน้อยกว่าและประกาศใช้มาตรการปิดเมืองช้ากว่า (เช่น เยอรมนีและสเปน) พบว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ยังคงขยายตัว นอกจากนี้ เยอรมนียังได้รับผลกระทบน้อยกว่าเนื่องจากมีสัดส่วนภาคการผลิตที่ใหญ่กว่าประเทศอื่น

EIC คาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนในปี 2021 จะขยายตัว 4.3%YOY โดยจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังคงสูง การระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ และมาตรการเข้มงวดที่ยังคงอยู่จะเป็นแรงกดดันหลักต่อการฟื้นตัวในไตรมาส 1 อย่างไรก็ดี การฉีดวัคซีนที่ได้เริ่มขึ้นในเดือนธันวาคม 2020 จะมีแนวโน้มส่งผลให้ประเทศยุโรปสามารถผ่อนคลายมาตรการควบคุมได้บางส่วนตั้งแต่เดือนมีนาคม ซึ่งจะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากไตรมาส 2 เป็นต้นไป ทั้งนี้ข้อจำกัดด้านการผลิตและลำเลียงวัคซีน รวมทั้งการอนุมัติวัคซีนมีผลให้อัตราการฉีดวัคซีนในกลุ่มประเทศยูโรโซนเป็นไปอย่างล่าช้า และกิจกรรมภาคบริการจะยังคงไม่ฟื้นตัวเต็มที่จนกว่าจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (herd immunity) ซึ่งอาจใช้เวลาถึงไตรมาส 3/2021 เป็นอย่างน้อย นอกจากนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนในปี 2021 จะได้รับแรงสนับสนุนจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1) การส่งออกไปยังประเทศเศรษฐกิจหลักที่มีแนวโน้มฟื้นตัวเร็วกว่า ได้แก่ จีน และสหรัฐฯ 2) อัตราการว่างงานที่ยังทรงตัวจากมาตรการพักงานชั่วคราวที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยสนับสนุนกำลังซื้อของภาคครัวเรือน 3) การบรรลุข้อตกลงการค้าหลัง Brexit ทำให้การค้าและการลงทุนสามารถดำเนินต่อไปได้

การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2021 จะได้รับแรงสนับสนุนจากแผนฟื้นฟู ล่าสุดแผน Next Generation EU มูลค่า 7.5 แสนล้านยูโรได้รับการผ่านข้อตกลงชั่วคราวจากสภายุโรปไปแล้วกว่า 6.7 แสนล้านยูโร ซึ่งแบ่งเป็นเงินให้เปล่า 3.1 แสนล้านยูโร และเงินกู้จำนวน 3.6 แสนล้านยูโร ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2021 โดยแผนนี้นอกจากจะช่วยลดภาระทางการคลังในการออกมาตรการช่วยเหลือครัวเรือนและภาคธุรกิจเพิ่มเติมของประเทศที่ประสบปัญหาหนี้สาธารณะที่สูงแล้วนั้น ยังจะมุ่งเน้นสนับสนุนการลงทุนเชิงโครงสร้างเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาวต่อไปด้วย อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนทางการเมืองภายใน เช่น อิตาลีที่มีข้อขัดแย้งจากการบริหารนโยบายฟื้นฟู (แม้ว่าล่าสุดความขัดแย้งจะลดลงจากการตั้งรัฐบาลใหม่นำโดยมาริโอ ดรากี อดีตผู้ว่าการ ECB ที่จะมีความประนีประนอมมากขึ้น) รวมทั้งเนเธอร์แลนด์และเยอรมนีที่จะมีการเลือกตั้งรอบใหม่ในปีนี้ (ในเดือนมีนาคมและเดือนกันยายน 2021 ตามลำดับ) อาจส่งผลต่อความต่อเนื่องและขนาดของมาตรการในประเทศดังกล่าว

EIC คาดว่า ECB จะดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อเนื่องตามสภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างช้า ๆ โดยตั้งแต่เดือนธันวาคม 2020 ที่ผ่านมา ECB ได้ประกาศเพิ่มวงเงินซื้อสินทรัพย์ของมาตรการ Pandemic Emergency Purchase Program (PEPP) เป็น 1.85 ล้านล้านยูโร ซึ่งจะมีผลไปถึงมีนาคม 2022 นอกจากนี้ ECB ยังมีแนวโน้มเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวเพิ่มขึ้นเพื่อควบคุมดอกเบี้ยระยะยาว


นัยต่อเศรษฐกิจไทย

เงินยูโร ณ วันที่ 1 มีนาคม 2021 อ่อนค่าลง 1.4%YTD เทียบกับดอลลาร์สหรัฐตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปที่ชะลอลงในไตรมาสแรก ในระยะต่อไปคาดว่าเงินยูโรจะมีแนวโน้มแข็งค่าเล็กน้อยตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาสสองและเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ทรงตัว

การส่งออกไทยไปยูโรโซนในปี 2020 โดยรวมหดตัว -11.2%YOY โดยสินค้าส่งออกสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (-4.9%) อัญมณีและเครื่องประดับ (-25.6%) และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (-30.4%) ขณะที่สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ (18%) และผลิตภัณฑ์ยาง (5.6%)

การลงทุนทางตรงจากยูโรโซน มายังไทยใน 9 เดือนแรกของปี 2020 ขยายตัว 8.9% นอกจากนี้ในปี 2020 ประเทศกลุ่มยูโรโซน มีการยื่นขอการส่งเสริมจาก BOI 146 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 25,586 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.3%YOY โดยธุรกิจที่มีเม็ดเงินลงทุนเพิ่มได้แก่ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกและการซ่อมยานยนต์ ธุรกิจการเงินและการประกันภัย
และธุรกิจเคมีภัณฑ์


06.jpg

ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ยอมรับ