SHARE

มาตรการ Yield Curve Control และ Negative Interest Rate Policy กรณีศึกษาจากต่างประเทศ และนัยต่อนโยบายการเงินในไทย

การผ่อนคลายนโยบายการเงินผ่านการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต้องเผชิญกับข้อจำกัดมากขึ้น

GettyImages-1200933854.jpg

การผ่อนคลายนโยบายการเงินผ่านการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต้องเผชิญกับข้อจำกัดมากขึ้น ทำให้ธนาคารกลางของหลาย ๆ ประเทศรวมถึงผู้ร่วมตลาดต่างให้ความสนใจมากขึ้นต่อการดำเนินมาตรการทางการเงินแบบพิเศษ (unconventional monetary measures)

มาตรการ Yield Curve Control (YCC) ถูกนำมาใช้ทั้งในญี่ปุ่นและออสเตรเลีย โดยมีวัตถุประสงค์ในการตรึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไว้ ณ ระดับใดระดับหนึ่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารถึงการผ่อนคลายนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า รวมถึงรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและสถาบันการเงิน ในปัจจุบันธนาคารกลางญึ่ปุ่น (BOJ) และออสเตรเลีย (RBA) ได้ใช้มาตรการ YCC โดยในกรณีของ BOJ ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับสูงขึ้นจากระดับติดลบเพื่อลดผลกระทบต่อธุรกิจประกันชีวิตและกองทุนบำเน็จบำนาญ ในขณะที่ RBA เลือกที่จะควบคุมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 ปี ให้อยู่ในระดับต่ำเพื่อไม่ให้เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลาดเอียงจนเกินไป (flattening yield curve) จนกระทบเสถึยรภาพของสถาบันการเงิน

ในระยะสั้นนี้ โอกาสที่ ธปท. จะดำเนินมาตรการ yield curve control ในไทยยังมีจำกัด เนื่องจาก 1) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะยาวในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำอยู่แล้ว แม้ว่า ธปท. จะไม่มีการเข้าซื้อสินทรัพย์อย่างมีนัยในช่วง พ.ค.-ก.ย. ที่ผ่านมา 2) ความชันของเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยยังไม่ลาดเอียง (flat) เกินไปจนสร้างความเสี่ยงให้แก่สถาบันการเงิน และ 3) คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะข้างหน้าอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบัน (well-anchored) อย่างไรก็ดี ในระยะต่อไป หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะยาวปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว EIC ประเมินว่า ธปท. พร้อมกลับมาเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลอีกครั้ง และอาจประกาศใช้ YCC เพื่อจุดประสงค์ด้านการสื่อสารร่วมด้วย

มาตรการ Negative Interest Rate Policy (NIRP) มีส่วนช่วยให้ภาวะการเงินผ่อนคลายมากขึ้นในบางประเทศ แต่ก็มีข้อจำกัดในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในทางปฏิบัติ แม้ใช้ NIRP แต่สถาบันการเงินอาจไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจนติดลบได้ (เพราะอาจเกิดการถอนเงินฝากเปลี่ยนไปถือเงินสดแทน) และเพื่อรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin : NIM) ไม่ให้ปรับลดลงมากนัก สถาบันการเงินจึงอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราที่น้อยกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้ไม่สามารถกระตุ้นอุปสงค์ได้เต็มที่นัก

ความเป็นไปได้ในการใช้มาตรการ Negative Interest Rate Policy ในไทยมีไม่มากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดแล้ว (bottomed out) ภาวะการเงินไทยเริ่มผ่อนคลายลงมาบ้าง ประสิทธิภาพของการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมีน้อยลง (เข้าใกล้ effective lower bound) และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมากเป็นเวลานานอาจสร้างความเปราะบางเพิ่มเติมต่อเสถียรภาพระบบการเงินในอนาคต

 


Button-01.jpg

ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ยอมรับ