IHH healthcare ธุรกิจโรงพยาบาลของมาเลเซียที่ไทยไม่อาจมองข้าม
ทุกคนน่าจะเคยได้ยินชื่อของ IHH healthcare กันมาบ้าง เนื่องจากเป็นธุรกิจโรงพยาบาลของมาเลเซียที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) เป็นที่ 2 ของโลก ไม่เพียงแต่จะเป็นธุรกิจโรงพยาบาลที่มีขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว แต่ IHH healthcare นั้น ยังมีความสามารถในการสร้างรายได้เป็นที่หนึ่งในทวีปเอเชีย ในวันนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่า IHH healthcare ถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะถ้ามีการเปิด AEC แล้วด้วย ดังนั้น น่าสนใจว่าอะไรทำให้ IHH healthcare ถึงประสบความสำเร็จในการขยายกิจการไปต่างประเทศจนมีวันนี้ได้
ผู้เขียน: EIC | Economic Intelligence Center
ทุกคนน่าจะเคยได้ยินชื่อของ IHH healthcare กันมาบ้าง เนื่องจากเป็นธุรกิจโรงพยาบาลของมาเลเซียที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) เป็นที่ 2 ของโลก ไม่เพียงแต่จะเป็นธุรกิจโรงพยาบาลที่มีขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว แต่ IHH healthcare นั้น ยังมีความสามารถในการสร้างรายได้เป็นที่หนึ่งในทวีปเอเชีย ในวันนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่า IHH healthcare ถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะถ้ามีการเปิด AEC แล้วด้วย ดังนั้น น่าสนใจว่าอะไรทำให้ IHH healthcare ถึงประสบความสำเร็จในการขยายกิจการไปต่างประเทศจนมีวันนี้ได้
IHH healthcare รุกตลาดต่างประเทศด้วยโมเดลการรับจ้างบริหารโรงพยาบาลก่อน โดยเฉพาะถ้ากฎเกณฑ์การลงทุนยังไม่มีแนวทางแน่ชัดในประเทศที่ไปลงทุนหรือบริษัทยังไม่รู้จักตลาดนั้นดีพอ กรณีนี้บริษัทจะไม่ต้องลงทุนเงินจำนวนมหาศาลเพื่อเข้าไปในตลาดที่ไม่มีความมั่นใจ และไม่เคยทำความรู้จักมาก่อน IHH healthcare จะเป็นเพียงผู้บริหารจัดการโรงพยาบาลให้กับเจ้าของ และรับรายได้เป็นรูปแบบค่าจ้างบริหาร ตัวอย่างของการรับจ้างบริหารโดย IHH healthcare ที่ผ่านมาคือ การรับจ้างบริหารโรงพยาบาลในเวียดนาม จีน ฮ่องกง อิรัก และมาซิโดเนีย ซึ่งบริษัทจะใช้วิธีนี้ค่อยๆ เรียนรู้เกี่ยวกับตลาดในประเทศนั้นๆ หรือเป็นการทดลองตลาดนั่นเอง
เมื่อมั่นใจในตลาดนั้นแล้ว บริษัทจะขยับขยายการลงทุนเป็นแบบ green field โดยเฉพาะถ้ารัฐบาลประเทศนั้นๆ ให้การต้อนรับการลงทุนจากเอกชนต่างประเทศ ตัวอย่างการลงทุนแบบ Green field ของ IHH healthcare ที่ผ่านมาคือการที่รัฐบาลฮ่องกงเปิดให้เอกชนในประเทศและต่างประเทศเข้าลงทุนเพื่อสร้างโรงพยาบาลในฮ่องกง ซึ่งฮ่องกงเป็นประเทศที่มีอัตราการครอบครองเตียงสูงและมีโรงพยาบาลไม่เพียงพอรองรับความต้องการ จากประสบการณ์การรับจ้างบริหารโรงพยาบาลในฮ่องกงมาก่อนหน้านี้ ทำให้ IHH healthcare มีความมั่นใจว่าฮ่องกงเป็นตลาดที่น่าสนใจลงทุนเพิ่มเติม ดังนั้น IHH healthcare ได้เข้าไปประมูลเพื่อสร้างโรงพยาบาลขนาด 500 เตียงร่วมกับบริษัทท้องถิ่น ซึ่งจะเปิดให้บริการในปี 2017
ควบคู่ไปกับการลงทุนใน 2 แบบข้างต้น IHH healthcare ยังเน้นการลงทุนโดยการเข้าไปซื้อกิจการในประเทศที่ Medical tourism มีโอกาสเติบโต แต่ละตลาดที่ IHH healthcare เข้าไปนั้นต่างก็เน้นการรับคนไข้จากต่างประเทศที่มีค่าใช้จ่ายต่อครั้งสูง ตัวอย่างแรกคือการเข้าซื้อกิจการของ Parkway ในสิงคโปร์ในปี 2010 ซึ่งสิงคโปร์ที่มีชื่อเสียงด้านการรักษาพยาบาลที่ซับซ้อนอยู่แล้ว ผนวกกับมีภูมิประเทศใกล้อินโดนีเซีย การควบรวมในครั้งนี้ ทำให้ IHH healthcare ในสิงคโปร์นั้นมีรายได้จากคนไข้ต่างชาติสูงกว่า 40% ของรายได้รวมและ 50% มาจากอินโดนีเซีย นอกจากนี้ IHH healthcare ในสิงคโปร์นั้นถือเป็นโรงพยาบาลเดียวที่มีเครือข่ายขนาดใหญ่ โรงพยาบาลอื่นๆ ต่างก็เป็นโรงพยาบาลเดี่ยว ซึ่งทำให้ IHH healthcare ยิ่งได้เปรียบจากการมีเครือข่าย ไม่ว่าจะในด้านการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์หรือการส่งต่อคนไข้ระหว่างกัน อีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจคือการซื้อกิจการ Acibadem ในตุรกีในปี 2012 ที่มีโรงพยาบาลกว่า 18 แห่งในตุรกี ตุรกีนั้นตั้งอยู่กึ่งกลางและสามารถรับคนไข้จากประเทศกลุ่มตะวันออกกลาง ยุโรปตะวันออก และรัสเซีย นอกจากนี้แบรนด์ Acibadem เองก็มีชื่อเสียงถูกจัดอันดับเป็นโรงพยาบาลระดับพรีเมี่ยมของประเทศ การควบรวมในครั้งนี้ ทำให้ยิ่งตอกย้ำกลยุทธ์ของ IHH healthcare ที่ตั้งใจจะดึงดูดคนไข้ชาวต่างชาติมาใช้บริการ
ปัจจุบันกว่า 80 % ของรายได้ของ IHH healthcare เป็นรายได้ในกิจการนอกมาเลเซีย การเน้นรับคนไข้ต่างชาติและคนไข้ระดับบนแสดงให้เห็นถึงจุดยืนที่ชัดเจนว่าการให้บริการและคุณภาพนั้นอยู่ในระดับพรีเมี่ยม จากจุดยืนนี้ส่งผลให้บริษัทมีรายได้เติบโตกว่า 15% ใน 5 ปีที่ผ่านมา ผนวกกับเครือข่ายขนาดใหญ่ทำให้ได้ประโยชน์จากการประหยัดจากขนาดเมื่อสั่งซื้อ ยา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ต่างๆ จนทำให้กิจการสามารถพัฒนาระดับ EBITDA margin จาก 17% ในปี 2009 กลายเป็น 25% ในปัจจุบัน ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ยังไม่รวมถึงการมีมหาวิทยาลัยด้านการแพทย์ เพื่อป้อนบุคลากรให้กับโรงพยาบาลในเครือได้อีกด้วย ไทยควรเฝ้ามองท่าทีของ IHH healthcare ว่าจะเข้ามารุกตลาดไทยด้วยหรือไม่เมื่อ AEC เกิดขึ้น เพราะจะว่าไปแล้วไทยก็เป็นหนึ่งในจุดหมายของ medical tourism เช่นกัน!