การประหยัดต่อขนาดในยุค customization: modular platform ของอุตสาหกรรมยานยนต์
เผยแพร่ใน EIC Insight : ซัพพลายเชนจะปรับตัวอย่างไรเมื่อโลกเปลี่ยน คลิกอ่านฉบับเต็ม
Modular platform ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อลดต้นทุนจากการผลิต โดยการให้รถยนต์หลายรุ่นใช้ชิ้นส่วนร่วมกันมากขึ้น เพื่อลดความหลากหลายของชิ้นส่วนที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ภายใต้สภาวะการแข่งขันของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่สูงขึ้น ประกอบกับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการรถยนต์หลากหลายดีไซน์และฟังก์ชั่นมากขึ้น ค่ายรถจึงได้พัฒนาการผลิตแบบ modular platform ขึ้นมาเพื่อช่วยให้ค่ายรถเกิดการประหยัดต่อขนาด (economies of scale) จากการผลิตชิ้นส่วนที่ใช้ร่วมกัน (common parts) และยังจะช่วยให้สามารถดัดแปลงรถยนต์ให้มีความหลากหลายได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ค่ายรถทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กต่างปรับตัวเพื่อตอบรับเทรนด์การใช้ modular platform ผู้นำการใช้ modular platform ในอุตสาหกรรมยานยนต์อย่าง Volkswagen วางกลยุทธ์ขยายการใช้ modular platform อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายใช้ชิ้นส่วน modular platform ให้ครอบคลุมถึง 60% ของปริมาณชิ้นส่วนทั้งหมดในรถยนต์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการผลิตชิ้นส่วนลง 30% ภายในปี 2025 นอกจากนี้ ค่ายรถขนาดรองลงมาที่มีปริมาณการผลิตรถยนต์เพียง 16% ของ Volkswagen อย่าง Mazda เปิดตัวเทคโนโลยี Skyactiv ซึ่งนับเป็นหนึ่งในการผลิตแบบ modular platform ถูกนำไปใช้ในรถยนต์ทุกรุ่นที่ผลิตภายหลังจากปี 2011 เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า และยังทำให้รถยนต์ประหยัดน้ำมัน มีน้ำหนักเบา ทนทาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอีกด้วย
การใช้ modular platform ส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนทั้งในด้านการผลิตและการขนส่ง
1) ด้านการผลิต: การขยายกำลังการผลิตและพัฒนามาตรฐานชิ้นส่วนให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล การใช้ modular platform ทำให้ค่ายรถต้องการปริมาณชิ้นส่วนหลักมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จำเป็นต้องขยายกำลังการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของค่ายรถดังกล่าว ทั้งนี้ การขยายกำลังการผลิตเป็นหนึ่ง
ในอุปสรรคสำคัญของผู้ผลิตหลายรายเพราะการขยายกำลังการผลิตไม่ใช่แค่เพียงการเพิ่มปริมาณเครื่องจักรในโรงงานเท่านั้น แต่ผู้ผลิตจะต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น ปัญหาขาดแคลนแรงงาน ต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้น เป็นต้น นอกจากนี้ เนื่องจากชิ้นส่วน modular platform จะถูกนำไปประกอบรถยนต์เพื่อส่งออกขายทั่วโลก ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่เคยผลิตเพื่อส่งออกแค่ในภูมิภาคจึงจำเป็นต้องยกระดับคุณภาพสินค้าให้สูงขึ้นเพื่อรองรับมาตรฐานสากล
2) ด้านการขนส่ง: การบริหารสต็อกและศูนย์กระจายสินค้า ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จำเป็นต้องมีการปรับกลยุทธ์เกี่ยวกับการบริหารคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าเพื่อรองรับปริมาณการสั่งซื้อชิ้นส่วนที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ การบริหารคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าให้มีประสิทธิภาพนับเป็นความท้าทายที่ผู้ผลิตจะต้องเผชิญเพราะนอกจากจะต้องตัดสินใจเลือกบริหารคลังสินค้าเองหรือจ้างให้บุคคลภายนอกมาบริหารคลังสินค้าแทนแล้ว ยังมีเรื่องการคาดการณ์ปริมาณสินค้าคงคลังให้เพียงพอต่อความต้องการของค่ายรถอยู่เสมออีกด้วย