ผู้เขียน: ภูริพัฒน์ โสภณคีรีรัตน์
![Flash_dtac.jpg]()
![Event.png]() |
![885_20100622103059.gif]()
|
- DTAC ชนะการยื่นข้อเสนอด้านเทคนิคและผลตอบแทนเพื่อเป็นคู่ค้าในการให้บริการไร้สายคลื่นความถี่ 2300 MHz จำนวนแบนด์วิธ 60 MHz ของทีโอที (TOT) เป็นระยะเวลา 8 ปี โดยเบื้องต้นคู่ค้าต้องขยายโครงข่ายได้ไม่น้อยกว่า 1,800 แห่งภายในปีแรก ครอบคลุมเมืองหลักภายใน 2 ปี และครอบคลุม 80% ของประชากรภายในระยะเวลา 5 ปี
|
![Analysis.png]() |
![884_20100622103051.gif]()
|
- การคว้าคลื่นดังกล่าวส่งผลบวกต่อการดำเนินธุรกิจของ DTAC โดยปัจจุบัน DTAC มีคลื่นความถี่ในครอบครองทั้งสิ้น 50 MHz ขณะที่คลื่นความถี่ราว 35 MHz กำลังจะทยอยหมดอายุสัมปทานลงในปี 2018 ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา โดยการครอบครองคลื่น 2300 MHz จะช่วยคลายความกังวลดังกล่าวลงไป แต่ DTAC ยังคงต้องเผชิญความท้าทายด้านอื่นๆ เช่น การลงทุนขยายอุปกรณ์รับสัญญานที่ต้องใช้งบประมาณลงทุนเพิ่มเติมราว 1-2 หมื่นล้านบาทและค่าเช่าคลื่นให้ทีโอทีอีก 4,510 ล้านบาทต่อปี รวมถึงความล่าช้าในการเจรจาสัญญา
- อย่างไรก็ดี อีไอซีมองว่าการแข่งขันของค่ายมือถือจะไม่ทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากสภาวะการแข่งขันด้านราคาในปัจจุบันนั้นมีความรุนแรงอยู่แล้ว โดยรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย (Average Revenue Per User: ARPU) ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเริ่มคงที่ในระดับ 200 บาทซึ่งลดลงจาก 15 ปีก่อนกว่าครึ่ง รวมถึงผู้เล่นรายอื่นมีคลื่นความถี่ในครอบครองที่เพียงพอต่อการให้บริการปัจจุบันราว 55 MHz ทั้งนี้ อีไอซีมองว่าผู้เล่นจะหันมาแข่งขันในการนำเสนอบริการเสริมแทนที่จะมุ่งเน้นการแข่งขันด้านราคาเพื่อเพิ่มรายได้และสร้างความผูกพันธ์ต่อลูกค้า เช่น บริการด้านบันเทิง บริการคลาวด์ และบริการด้านการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
|
![Implication.png]() |
![886_20100622103105.gif]()
|
- การประมูลคลื่นความถี่ 850 MHz และ 1800 MHz ในปี 2018 ยังคงมีแนวโน้มการแข่งขันสูง โดย DTAC ยังคงต้องการคลื่นความถี่ต่ำที่เคยครอบครองเดิมอย่าง 850 MHz ในขณะที่ผู้ประกอบการรายอื่นต้องการสะสมคลื่นความถี่เพิ่มเพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการ 5G ได้ในอนาคต เนื่องจากมาตรฐานเบื้องต้นของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ได้กำหนดให้ผู้ที่จะให้บริการ 5G ต้องมีแบนด์วิธอย่างน้อย 100 MHz
|
รูปที่ 1: รายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายและจำนวนเลขหมายต่อประชากรของไทย
หน่วย: บาท (ซ้าย), % (ขวา)
![1.png]()
ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ กสทช.
รูปที่ 2: ปริมาณคลื่นความถี่ในครอบครองของผู้ให้บริการในไทยยังต่ำเมื่อเทียบกับผู้ให้บริการในต่างประเทศ
หน่วย: MHz
![2_edit.png]()
* คลื่น 2300 MHz แบนด์วิธ 60 MHz ในระบบ LTE-TDD คิดเทียบเท่ากับมีแบนด์วิธ 30x2 MHz ในระบบ LTE-FDD
ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ กสทช. Telenor, NTT Docomo และ SK Telecom