ผู้เขียน: พิมพ์นิภา บัวแสง
|
|
- ผลการนับคะแนนในคืนวันเลือกตั้งที่ 7 พ.ค. (ตามเวลาฝรั่งเศส) เผยว่า Emmanuel Macron จากพรรค En Marche ผู้มีแนวคิดแบบเสรีนิยมสายกลางและสนับสนุนสหภาพยุโรป เป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 25 ของฝรั่งเศส ด้วยคะแนน 66% ต่อ 34% โดยผลการเลือกตั้งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์และผลโพลก่อนการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ชี้ว่าชาวฝรั่งเศสจำนวนมากยังต้องการอยู่ในสหภาพยุโรปต่อไป และคลายความกังวลต่อการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของฝรั่งเศส (Frexit)
|
|
|
นโยบายต่อสหภาพยุโรป |
สนับสนุนการปฏิรูปสหภาพยุโรป และมองว่าฝรั่งเศสจำเป็นต้องอยู่เป็นเสาหลักของสหภาพยุโรปต่อไป
|
นโยบายต่อผู้อพยพ |
ฝรั่งเศสควรเป็นสถานที่ซึ่งต้อนรับผู้อพยพ โดยในช่วง 6 เดือนแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาจะจัดการกับคำร้องขอลี้ภัยทั้งหมด |
นโยบายต่อความมั่นคง |
ยืนยันนโยบายป้องกันฝรั่งเศสและต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย แต่ต้องไม่เป็นการทำลายสิทธิพลเมือง |
นโยบายด้านเศรษฐกิจ |
ลดภาษีนิติบุคคลจาก 33% ในปัจจุบันให้เหลือ 25% ลดภาษีที่อยู่อาศัย ปฏิรูปภาษีมรดก ตั้งเป้าหมายลดปริมาณค่าใช้จ่ายสาธารณะลงโดยการลดตำแหน่งงานในภาครัฐลง 120,000 ตำแหน่งและลดการใช้จ่ายของภาครัฐลง 6 หมื่นล้านยูโร ตั้งเป้าลดอัตราการว่างงานลงเหลือต่ำกว่า 7% ผ่อนปรนกฎหมายแรงงานและให้ความคุ้มครองแก่กลุ่ม self-employed
|
แม้ว่านโยบายและแนวทางการปฏิรูปของ Emmanuel Macron มีทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจฝรั่งเศสตลอดจนเศรษฐกิจยูโรโซน แต่อีไอซีมองว่ายังมีโอกาสสูงที่จะเกิดสภาวะการเมืองชะงักงัน (political gridlock) ในฝรั่งเศส เนื่องจาก Emmanuel Macron ยังต้องเผชิญความท้าทายในการคว้าเสียงข้างมากจากเลือกตั้งรัฐสภาฝรั่งเศสที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 และ 18 มิถุนายนนี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่า Emmanuel Macron จะไม่สามารถคว้าเสียงข้างมากมาได้ และจำเป็นต้องจัดตั้งรัฐบาลผสม ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคต่อการผ่านแผนปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมต่างๆ ในอนาคต และทำให้ไม่สามารถทำตามนโยบายที่ให้ไว้ในช่วงหาเสียงได้
- ชัยชนะของ Emmanuel Macron เพิ่มแรงกดดันให้กับการเจรจา Brexit หนึ่งในนโยบายที่สำคัญของ Emmanuel Macron คือการปฏิรูปและสร้างความแข็งแกร่งให้กับสหภาพยุโรป โดยเขามีความเห็นว่าเงื่อนไขการเจรจา Brexit ไม่ควรเป็นไปได้โดยง่าย ไม่เช่นนั้นจะเป็นตัวอย่างให้กับประเทศสมาชิกอื่นๆได้ แนวคิดดังกล่าวเพิ่มแรงกดดันให้กับการเจรจา Brexit ที่มีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ง่ายและรวดเร็วอย่างที่ Theresa May นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรตั้งใจไว้ โดยเมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา ผู้นำสมาชิกสหภาพยุโรปได้ประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวปฏิบัติหรือเงื่อนไขการเจรจากับสหราชอาณาจักรแล้ว โดยผลออกมาว่าสหภาพยุโรปเตรียมตั้งเงื่อนไขจำนวนมาก เพื่อไม่ให้สหราชอาณาจักรสามารถออกจากสหภาพยุโรปได้ด้วยต้นทุนต่ำและเลือกเงื่อนไขได้ อีกทั้งยังระบุว่าจะไม่มี Free Brexit โดยการวิเคราะห์จาก Financial Times คาดการณ์ว่าสหราชอาณาจักรอาจถูกเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการออกจากสหภาพยุโรปมากถึง 1 แสนล้านปอนด์
|
|
|
- ผลการเลือกตั้งช่วยคลี่คลายความกังวลต่อ Frexit ซึ่งเป็นผลบวกต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกทั้งด้านการค้าและการลงทุน ชัยชนะของ Emmanuel Macron เพิ่มมุมมองทางบวกต่อเศรษฐกิจยูโรโซนและเศรษฐกิจโลกในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ความกังวลต่อการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของฝรั่งเศส (Frexit) และกระแสต่อต้านโลกาภิวัตน์ที่ลดลง ประกอบกับนโยบายและการปฏิรูปเศรษฐกิจของ Emmanuel Macron ที่มีทิศทางเป็นบวกต่อเศรษฐกิจฝรั่งเศส ซึ่งช่วยฟื้นความเชื่อมั่นให้แก่ภาคธุรกิจทั่วโลกที่รอความชัดเจนจากการเลือกตั้งในครั้งนี้
- ในอีกด้านหนึ่ง ความเสี่ยงจากปัจจัยด้านการเมืองในยุโรปยังไม่ผ่อนคลายลงมากนัก เนื่องจากแรงกดดันต่อการเจรจา Brexit อาจรุนแรงมากขึ้น ผลจากนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจของฝรั่งเศสอาจไม่เป็นไปตามคาด รวมถึงการเลือกตั้งผู้นำในเยอรมนีและอิตาลีที่กำลังจะมาถึง ปัจจัยที่กล่าวข้างต้นล้วนแล้วแต่เป็นความเสี่ยงสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร ซึ่งอาจกระทบต่อภาคการลงทุน และภาคส่งออกไทยที่มีสัดส่วนในการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศดังกล่าวคิดเป็น 12% ของส่งออกทั้งหมด (รูปที่ 3)
- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจยังไม่เร่งดำเนินมาตรการทางการเงินแบบเข้มงวด แม้เศรษฐกิจยูโรโซนมีทิศทางที่เป็นบวกมากขึ้น แม้ความเสี่ยงจาก Frexit ได้จางลง แต่ปัจจัยทางการเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจรจา Brexit ยังคงสร้างความไม่แน่นอนให้กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน โดยอีไอซียังคงมองว่า ECB จะปรับลดวงเงินในการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล (Quantitative Easing: QE) จาก 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน เป็น 4 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2018 เป็นต้นไป และอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับปกติในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2019
|
รูปที่1 และ 2: ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจฝรั่งเศสและสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ผลการเลือกตั้งในรอบแรก
ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ Bloomberg
รูปที่ 3: รถยนต์และส่วนประกอบและเครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เป็นสินค้าส่งออกหลักจากไทยไปยังสหภาพยุโรป และ
สหราชอาณาจักร
ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์
|