งบไทยเข้มแข็ง (SP2) ที่ใช้ไป 8.6 หมื่นล้านบาท มีผลต่อเศรษฐกิจอย่างไร

ตัวเลขการใช้งบไทยเข้มแข็งที่เพิ่มขึ้น 6 หมื่นล้านภายใน 2 เดือนอาจไม่มีผลโดยตรงต่อ GDP มาก
ตัวเลขอย่างเป็นทางการจากกระทรวงการคลังระบุว่ายอดเบิกจ่ายงบประมาณไทยเข้มแข็งทั้งสิ้นอยู่ที่ 8.6 หมื่นล้านบาท ณ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 เพิ่มขึ้นจาก 2.6 หมื่นล้านบาทที่รายงาน ณ วันที่ 1 มกราคม 2553 ทำให้อัตราการเบิกจ่ายล่าสุดอยู่ที่ราว 25% ของวงเงินไทยเข้มแข็งที่อนุมัติทั้งสิ้น 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งลักษณะของการเบิกจ่ายเป็นไปตามคาดคืองบส่วนใหญ่ที่ใช้ไปเป็นลักษณะของเงินโอน ขณะที่การใช้จ่ายโครงการปกติที่ต้องจัดซื้อจัดจ้างทำได้ช้ากว่า ทั้งนี้ เงินโอนดังกล่าว ตามปกติจะไม่ได้นับรวมใน GDP ภายใต้การใช้จ่ายของภาครัฐ เพราะไม่ได้เกิดการจัดซื้อจัดจ้าง แต่อาจมีผลต่อ GDP ในระยะต่อไปเมื่อประชาชนนำเงินที่ได้รับออกมาใช้จ่าย

2 ใน 3 ของการใช้จ่ายใน 2 เดือนแรก เป็นเงินโอน 
จากยอดการใช้จ่ายงบไทยเข้มแข็ง 6 หมื่นล้านบาทในช่วง 2 เดือนที่ผ่าน พบว่ากว่า 4 หมื่นล้านหรือราว 2 ใน 3 เป็นลักษณะของการโอนเงิน ซึ่งได้แก่การแจกจ่ายเงิน 30.5 พันล้านบาทให้เกษตรกรตามโครงการประกันรายได้ และการโอนเงินไปเพิ่มทุนให้กับกองทุนหมู่บ้าน 11.5 พันล้านบาท ซึ่งเงินโอนแบบนี้ไม่ได้นับรวมในตัวเลขการใช้จ่ายของภาครัฐตามตัวเลข GDP โดยตรงดังกล่าวแล้วข้างต้น

ส่วนที่มีผลโดยตรงต่อ GDP มีปริมาณไม่มากเมื่อเทียบกับงบประจำปีปกติ

โครงการที่มีการจัดซื้อจัดจ้างที่ผ่านมามักเป็นโครงการขนาดเล็กหรือซ่อมบำรุง เช่นโครงการซ่อมบำรุงทางหลวง ถนนไร้ฝุ่น(ราดยางมะตอย) พัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก ซ่อมแซมปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการพัฒนาระบบเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา (Uninet) และการพัฒนาบุคคลากรครู เป็นต้น ซึ่งรวมๆ แล้ว การเบิกจ่ายในโครงการลักษณะดังกล่าวในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาทำได้ราว 1.8 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ซึ่งไม่มากนักเมื่อเทียบกับงบประมาณประจำปีที่ตั้งไว้ 1.7 ล้านล้านบาทที่เฉลี่ยคร่าวๆ เท่ากับไตรมาสละ 4 แสนกว่าล้านบาท