ปรับตัวเตรียมความพร้อมกับการก้าวขึ้นสู่ “ศูนย์กลางการค้าเอทานอลแห่งอาเซียน”
อุตสาหกรรมเอทานอลมีแนวโน้มการเติบโตและขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตและปริมาณการใช้เอทานอลทั่วโลก โดยมีการคาดการณ์ว่า ในอีก 4-5 ปีข้างหน้า ปริมาณการใช้เอทานอลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเพิ่มสูงขึ้นถึงประมาณ 10% ไปอยู่ที่ราว 29,000 ล้านลิตรต่อปี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปริมาณการใช้ของ 2 ประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีนและอินเดียที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกปี โดยปัจจุบันมีความต้องการใช้เอทานอลรวมกันถึงกว่า 80% ของปริมาณการใช้เอทานอลทั้งหมดในภูมิภาค ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้สำหรับการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ ขณะที่ปริมาณการผลิตเอทานอลในภูมิภาคคาดว่าจะมีเพียงแค่ราว 15,000 ล้านลิตรต่อปี ทั้งนี้ จีนยังมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบสำหรับใช้ในการผลิตเอทานอลภายในประเทศ เช่นเดียวกับอินเดียที่ยังไม่สามารถผลิตเอทานอลได้เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ เนื่องจากยังมีข้อจำกัดในเรื่องของการขยายโรงงานผลิตเอทานอลในประเทศ ส่งผลให้ประเทศยักษ์ใหญ่ทั้งสองมีแนวโน้มที่จะมีการนำเข้าเอทานอลสำหรับนำไปใช้ผลิตเป็นเชื้อเพลิงจากต่างประเทศมากขึ้นซึ่งจะสร้างโอกาสที่ดีให้กับไทยในอนาคต
ผู้เขียน: ธีระยุทธ ไทยธุระไพศาล
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 3 ธันวาคม 2015
อุตสาหกรรมเอทานอลมีแนวโน้มการเติบโตและขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตและปริมาณการใช้เอทานอลทั่วโลก โดยมีการคาดการณ์ว่า ในอีก 4-5 ปีข้างหน้า ปริมาณการใช้เอทานอลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเพิ่มสูงขึ้นถึงประมาณ 10% ไปอยู่ที่ราว 29,000 ล้านลิตรต่อปี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปริมาณการใช้ของ 2 ประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีนและอินเดียที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกปี โดยปัจจุบันมีความต้องการใช้เอทานอลรวมกันถึงกว่า 80% ของปริมาณการใช้เอทานอลทั้งหมดในภูมิภาค ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้สำหรับการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ ขณะที่ปริมาณการผลิตเอทานอลในภูมิภาคคาดว่าจะมีเพียงแค่ราว 15,000 ล้านลิตรต่อปี ทั้งนี้ จีนยังมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบสำหรับใช้ในการผลิตเอทานอลภายในประเทศ เช่นเดียวกับอินเดียที่ยังไม่สามารถผลิตเอทานอลได้เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ เนื่องจากยังมีข้อจำกัดในเรื่องของการขยายโรงงานผลิตเอทานอลในประเทศ ส่งผลให้ประเทศยักษ์ใหญ่ทั้งสองมีแนวโน้มที่จะมีการนำเข้าเอทานอลสำหรับนำไปใช้ผลิตเป็นเชื้อเพลิงจากต่างประเทศมากขึ้นซึ่งจะสร้างโอกาสที่ดีให้กับไทยในอนาคต
ปัจจุบันไทยถือว่าเป็นอันดับ 1 ด้านการผลิตเอทานอลในอาเซียน โดยไทยสามารถผลิตเอทานอลได้สูงถึงราว 1,000 ล้านลิตรต่อปี ทิ้งห่างนำผู้ผลิตเอทานอลรายใหญ่อันดับ 2 อย่างเวียดนาม 3 เท่า ซึ่งเอทานอลที่ไทยผลิตได้ส่วนใหญ่ จะถูกนำไปผสมกับน้ำมันเบนซินเพื่อผลิตเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์เพื่อใช้ภายในประเทศ ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ไทยสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการผลิตเอทานอลในกลุ่มอาเซียนได้นั้น เป็นผลมาจากศักยภาพที่แข็งแกร่งของไทยในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความพร้อมด้านวัตถุดิบ ซึ่งได้แก่ มันสำปะหลังและกากน้ำตาลที่ถูกใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตเอทานอล เนื่องจากมีปริมาณผลผลิตในประเทศที่ค่อนข้างมาก อีกทั้งต้นทุนการผลิตเอทานอลก็ค่อนข้างต่ำอยู่ที่ราว 18 - 24 บาท/ลิตร ซึ่งราคาต้นทุนการผลิตจะขึ้นอยู่กับการเลือกใช้วัตถุดิบแต่ละชนิด
นอกจากความพร้อมด้านวัตถุดิบของไทยแล้ว บทบาทของภาครัฐก็เป็นอีกแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในการส่งเสริมและผลักดันให้อุตสาหกรรมเอทานอลของไทยมีแนวโน้มที่จะขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากนโยบายต่างๆ ของภาครัฐ ที่มุ่งเน้นและพยายามส่งเสริมให้ผู้บริโภคหันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์แทนการใช้น้ำมันเบนซินมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการประกาศยกเลิกน้ำมันเบนซิน 91 การอุดหนุนราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์จากเงินของกองทุนน้ำมัน เพื่อให้ราคาขายของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ต่ำกว่าราคาน้ำมันเบนซิน 95 เป็นต้น รวมไปถึงการวางแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกในระยะยาว 20 ปี เพื่อกำหนดเป้าหมายและทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมเอทานอลในประเทศอย่างต่อเนื่องเป็นลำดับ โดยตั้งเป้าผลักดันให้อุตสาหกรรมเอทานอลในประเทศเติบโตขึ้นเฉลี่ยปีละ 7% จากปัจจุบันไปจนถึงปี 2026
อีไอซีมองว่า แรงขับเคลื่อนต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เป็นเพียงการเตรียมความพร้อมเพื่อพัฒนาศักยภาพของไทยในการที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็น “ศูนย์กลางการค้าเอทานอลแห่งอาเซียน” (ASEAN Ethanol Hub) อย่างสมบูรณ์แบบในอนาคต เนื่องจากหากกล่าวถึงคำว่า “ศูนย์กลางการค้า” คงต้องมุ่งประเด็นและมองไปถึงการขยายตัวของการส่งออกมากกว่าการใช้ในประเทศ แต่จากทิศทางการขยายตัวของอุตสาหกรรมเอทานอลในไทย ณ ปัจจุบัน จะเห็นว่าเป็นการมุ่งเน้นไปที่การเติบโตเพื่อรองรับความต้องการใช้ภายในประเทศเป็นหลัก อย่างไรก็ดี ในระยะต่อไปหากทุกภาคส่วนมีการร่วมมือกันตลอดจนเร่งส่งเสริมและสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมเอทานอลภายในประเทศอย่างจริงจัง โดยมุ่งเน้นไปที่การลดต้นทุนและการเพิ่มผลผลิตของวัตถุดิบในประเทศ รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสำหรับรองรับการขยายตัวของปริมาณการใช้เอทานอลที่มีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ จนสามารถที่จะสร้างให้อุตสาหกรรมเอทานอลของไทยในประเทศเติบโตขึ้นอย่างเต็มศักยภาพและผลักดันให้การส่งออกมีการขยายตัวเพิ่มในอนาคต ความเป็นไปได้สำหรับการก้าวขึ้นสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าเอทานอลแห่งอาเซียน อย่างสมบูรณ์แบบของไทยนั้นก็คงจะไม่ใช่ฝันที่ไกลตัวอีกต่อไป