SHARE
IN FOCUS
14 ตุลาคม 2015

เจาะธุรกิจขานรับสังคมผู้สูงอายุ

- จำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นและปัจจัยด้านเศรษฐกิจสังคมที่เปลี่ยนไปส่งผลให้ความต้องการของธุรกิจดูแลผู้สูงอายุขยายตัว แม้ว่าไทยจะเป็นสังคมที่มีการปลูกฝังให้ลูกหลานมีหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุในครอบครัว แต่ด้วยสัดส่วนผู้สูงอายุที่มากขึ้นสวนทางกับวัยทำงานที่ลดลงจึงทำให้ลูกหลานต้องทำงานมากขึ้นและมีเวลาดูแลผู้สูงอายุน้อยลง อีกทั้งการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้สูงอายุที่ต้องอยู่คนเดียวในอนาคตจากแนวโน้มการมีบุตรน้อยลงในปัจจุบัน - ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุจะเป็นธุรกิจอันดับต้นๆ ที่ได้รับประโยชน์จากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยคาดว่าในระยะแรกจะเป็นโอกาสของธุรกิจที่ให้บริการดูแลผู้สูงอายุเป็นระยะสั้นๆ เช่น การดูแลระหว่างวัน และการพักฟื้น อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนผู้สูงอายุที่ยังน้อยทำให้การขยายตัวของบ้านพักคนชราสำหรับคนไทยในระยะสั้นจะยังเติบโตได้ไม่มากนัก ในขณะที่ระยะยาวนั้น ความต้องการที่พำนักระยะยาวจะมีโอกาสขยายตัวมากขึ้นซึ่งจะได้รับแรงผลักดันจากทั้งผู้สูงอายุคนไทยและชาวต่างชาติ ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรเริ่มปรับตัวและติดตามพฤติกรรมของสังคมไทยที่จะเปลี่ยนไป รวมถึงศึกษารูปแบบธุรกิจที่เหมาะสมกับตลาดคนไทย

ผู้เขียน: ลภัส อัครพันธุ์

 

ThinkstockPhotos-490618722.jpg

 

 

Highlight

 

  • จำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นและปัจจัยด้านเศรษฐกิจสังคมที่เปลี่ยนไปส่งผลให้ความต้องการของธุรกิจดูแลผู้สูงอายุขยายตัว แม้ว่าไทยจะเป็นสังคมที่มีการปลูกฝังให้ลูกหลานมีหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุในครอบครัว แต่ด้วยสัดส่วนผู้สูงอายุที่มากขึ้นสวนทางกับวัยทำงานที่ลดลงจึงทำให้ลูกหลานต้องทำงานมากขึ้นและมีเวลาดูแลผู้สูงอายุน้อยลง อีกทั้งการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้สูงอายุที่ต้องอยู่คนเดียวในอนาคตจากแนวโน้มการมีบุตรน้อยลงในปัจจุบัน

  • ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุจะเป็นธุรกิจอันดับต้นๆ ที่ได้รับประโยชน์จากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยคาดว่าในระยะแรกจะเป็นโอกาสของธุรกิจที่ให้บริการดูแลผู้สูงอายุเป็นระยะสั้นๆ เช่น การดูแลระหว่างวัน และการพักฟื้น อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนผู้สูงอายุที่ยังน้อยทำให้การขยายตัวของบ้านพักคนชราสำหรับคนไทยในระยะสั้นจะยังเติบโตได้ไม่มากนัก ในขณะที่ระยะยาวนั้น ความต้องการที่พำนักระยะยาวจะมีโอกาสขยายตัวมากขึ้นซึ่งจะได้รับแรงผลักดันจากทั้งผู้สูงอายุคนไทยและชาวต่างชาติ ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรเริ่มปรับตัวและติดตามพฤติกรรมของสังคมไทยที่จะเปลี่ยนไป รวมถึงศึกษารูปแบบธุรกิจที่เหมาะสมกับตลาดคนไทย

 

 

นอกจากจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นแล้วปัจจัยด้านเศรษฐกิจสังคมที่เปลี่ยนไปมีส่วนทำให้ธุรกิจด้านการดูแลผู้สูงอายุเติบโตอย่างก้าวกระโดด จำนวนประชากรสูงอายุทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุในต่างประเทศมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพทำให้อัตราการเสียชีวิตลดลงและอายุขัยของประชากรในประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ประเทศในฝั่งตะวันตกที่พัฒนาแล้วจะมีความต้องการธุรกิจด้านการดูแลผู้สูงอายุมากกว่าประเทศในฝั่งตะวันออก เพราะลูกหลานจะให้ความสำคัญในการดูแลผู้สูงอายุที่ค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตาม ประเทศในเอเชียเริ่มมีแนวโน้มที่เปลี่ยนไปมากขึ้น ด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจและลักษณะความเป็นเมืองที่สูงขึ้นทำให้วัยทำงานโดยส่วนใหญ่มีเวลาในการดูแลพ่อแม่ที่ชราภาพน้อยลง เช่น ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มที่ โดยมีสัดส่วนจำนวนประชากรสูงอายุมากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด ทั้งนี้ จากเดิมผู้หญิงญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะอยู่บ้านและมีหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุในครอบครัว แต่ปัจจุบันกลับต้องออกไปทำงานนอกบ้านมากขึ้น สะท้อนจากสัดส่วนผู้หญิงที่ออกไปทำงานเพิ่มขึ้น 3% ใน 10 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่สัดส่วนผู้หญิงที่อยู่บ้านลดลงถึง 12% ส่งผลให้ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุมีความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุแบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ ตามลักษณะของสินค้าและบริการ ได้แก่ 1. ให้บริการการดูแลเป็นระยะเวลาสั้นๆ และ 2. จัดให้มีที่พำนักระยะยาว โดยประเภทแรกนั้นจะเน้นให้บริการการดูแลช่วยเหลือผู้สูงอายุในการใช้ชีวิตประจำวันทั้งในและนอกสถานที่ การจัดกิจกรรมพักผ่อนและการสร้างสังคมระหว่างหมู่เพื่อน ตลอดจนการให้บริการด้านการแพทย์สำหรับผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรังและจำเป็นที่จะต้องมีการดูแลอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่ประเภทหลังเป็นการจัดให้มีที่พำนักระยะยาวโดยจะเน้นประเภทอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบบริการบ้านพักหรือห้องพักระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการย้ายถิ่นฐานเข้ามาในโครงการเพื่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตหลังวัยเกษียณ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียว นอกจากนี้ รูปแบบการดูแลผู้สูงอายุยังมีข้อแตกต่างกันได้อีกตามระดับความต้องการการช่วยเหลือทางด้านต่างๆ ของผู้สูงอายุเอง เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สำหรับพำนักระยะยาวสามารถแบ่งเจาะกลุ่มตลาดเป็นแบบที่เน้นผู้สูงอายุที่สามารถดูแลตัวเองได้แต่ไม่มีครอบครัวหรืออยู่คนเดียวและอยากจะอยู่รวมกับผู้สูงอายุคนอื่นๆ ที่มีวัยใกล้เคียงกัน (active adult / independent living) หรือเป็นแบบที่เน้นผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรังและต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดสม่ำเสมอ (assisted living) ทั้งนี้ ธุรกิจที่เน้นการให้บริการดูแลผู้สูงอายุในระยะสั้นหรือในแบบประเภทแรกก็สามารถแบ่งเจาะกลุ่มตลาดได้เช่นกัน อาทิ แบ่งเป็นการดูแลผู้สูงอายุที่กำลังพักฟื้นจากการรักษาตัวในโรงพยาบาล หรือกลุ่มที่ต้องการเพียงการดูแลแบบรายวัน (day care) โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่อยู่บ้าน ไม่มีคนคอยดูแลระหว่างวัน และต้องการหากิจกรรมทำระหว่างวัน เป็นต้น

แม้ว่าไทยจะเป็นสังคมที่ให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุค่อนข้างมาก แต่ด้วยแนวโน้มการเติบโตของจำนวนประชากรสูงอายุในไทยที่สวนทางกับจำนวนประชากรวัยทำงานที่ลดลง ทำให้ลูกหลานจะต้องทำงานมากขึ้นและมีเวลาในการดูแลผู้สูงอายุน้อยลง ส่งผลให้มีความต้องการบริการดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันไทยมีประชากรที่อายุมากกว่า 65 ปีเพียง 840,000 คน หรือประมาณ 9% ของประชากรทั้งประเทศ แต่จากอัตราการอยู่คนเดียวของผู้สูงอายุในไทยที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับอัตราการเกิดที่ลดลงทำให้คาดว่าผู้สูงอายุไทยจะเพิ่มเป็น 18 ล้านคนในปี 2050 หรือ 27% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งถือว่าไทยจะเข้าสู่สังคมสูงอายุแบบเต็มตัว และถึงแม้ว่าสังคมไทยจะให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุ แต่จากการที่จำนวนสมาชิกในครอบครัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และลูกหลานจะต้องออกไปทำงานนอกบ้านมากขึ้นจนทำให้มีเวลาในการดูแลผู้สูงอายุน้อยลง ทั้งนี้ จีนเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุอย่างมากเช่นเดียวกับไทย แต่ด้วยการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนทำให้ลูกหลานจำเป็นจะต้องออกเดินทางไปทำงานไกลบ้านและทอดทิ้งให้พ่อแม่ที่ชราภาพต้องดูแลตนเองมากขึ้น จนทำให้รัฐบาลจีนต้องมีการนำเอากฎหมายดูแลสิทธิสำหรับผู้สูงอายุมาใช้ (elderly rights law) เพื่อบังคับให้ลูกหลานกลับไปเยี่ยมและดูแลพ่อแม่ที่บ้านมากขึ้น ยิ่งไปกว่านี้จากรายงานของคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติของไทย พบว่ามีจำนวนผู้สูงอายุไทยราว 38% ที่ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลและการดูแลที่มีประสิทธิภาพได้เนื่องจากความยากลำบากในการเดินทาง การไม่มีเวลา และไม่มีผู้ดูแลพาไป ปัจจัยนี้สะท้อนให้เห็นได้ว่าความต้องการบริการดูแลผู้สูงอายุในไทยจะมีแนวโน้มสูงขึ้นในอนาคต แม้ว่าจะมีการปลูกฝังให้ลูกหลานมีหน้าที่ต้องดูแลผู้สูงอายุในครอบครัวก็ตาม

ปัจจุบันเริ่มเห็นธุรกิจดูแลผู้สูงอายุในไทยขยายตัวมากขึ้นแต่ตลาดยังมีขนาดเล็ก เนื่องจากจำนวนผู้สูงอายุในปัจจุบันที่ยังไม่มากนัก โดยส่วนใหญ่เป็นธุรกิจในประเภทการให้บริการดูแลในระยะสั้นๆ อย่างไรก็ตามคาดว่าตลาดจะใหญ่ขึ้นจากจำนวนผู้สูงอายุที่จะขยายตัวกว่า 50% ในอีก 10 ปีข้างหน้า ปัจจุบันความต้องการในตลาดนี้ของคนไทยอาจจะยังมีไม่มากนักเพราะมีจำนวนผู้สูงอายุต่อประชากรทั้งหมดที่ยังน้อยอยู่ อย่างไรก็ตามในอีก 5-10 ปี ข้างหน้านั้นคาดว่ากลุ่มผู้สูงอายุไทยในช่วงอายุ 65-74 ปีจะเพิ่มขึ้นมากที่สุด ในขณะที่จำนวนผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 75 ปีจะเพิ่มขึ้นมากในระยะยาวด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและทำให้อายุขัยเพิ่มขึ้น ดังนั้น คาดว่าธุรกิจดูแลผู้สูงอายุแบบให้บริการดูแลในระยะสั้นๆ มีแนวโน้มเติบโตได้มากกว่าในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า เพราะยังเป็นกลุ่มที่อยู่กับลูกเป็นส่วนใหญ่ ขณะเดียวกันธุรกิจซึ่งจัดให้มีที่พำนักระยะยาวจะทยอยเติบโตขึ้นในระยะยาวเนื่องจากผู้สูงอายุมีโอกาสที่จะต้องอยู่คนเดียวมากขึ้น โดยจากสถิติของ American Seniors Housing Association ระบุว่าอัตราการเติบโตของราคาห้องพักสำหรับผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นหลังจากปี 2000 เป็นต้นมา ซึ่งสอดคล้องกับการที่สหรัฐฯ มีอัตราผู้สูงอายุต่อประชากรทั้งประเทศเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดเช่นกัน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับสถิตินี้แล้ว คาดว่าความต้องการของที่พำนักระยะยาวในไทยน่าจะขยายตัวสูงขึ้นมากเมื่อจำนวนผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 55 ปีต่อประชากร มากกว่า 20% หรืออีกประมาณ 10 ปีต่อจากนี้ 

อย่างไรก็ตาม คาดว่าในระยะสั้น ธุรกิจการจัดหาที่พำนักระยะยาวจะเติบโตด้วยตลาดผู้สูงอายุต่างชาติที่เกษียณการทำงานมากกว่า จากสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติสูงอายุนิยมมาเที่ยวไทยมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีอายุมากกว่า 65 ปี มีการเดินทางมาเที่ยวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 8% นอกจากนี้ ข้อมูลจาก International Living Magazine1 รายงานว่า ไทยถูกจัดอยู่ใน 1 ใน 10 อันดับประเทศที่มีความเหมาะสมในการอยู่อาศัยยามเกษียณ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่แพง รวมถึงการบริการด้านการรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพในราคาที่ถูกเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ทั้งนี้ จุดท่องเที่ยวสำคัญๆ ก็ได้มีการลงทุนสร้างโครงการบ้านพักคนชราไว้รองรับชาวต่างชาติ โดยสถานที่ยอดนิยมสำหรับผู้สูงอายุชาวต่างชาติคือ เชียงใหม่ สมุย และหัวหิน เนื่องจากบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติและไม่พลุกพล่านเท่าเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ อย่าง กรุงเทพฯ หรือพัทยา โดยในจังหวัดเชียงใหม่มีจำนวนชาวญี่ปุ่นที่ลงทะเบียนอย่างเป็นทางการเข้ามาอาศัยอยู่แบบระยะยาว 4,000 คนเพิ่มขึ้นจากปี 2013 ประมาณ 500 คนและเข้ามาอยู่อาศัยอย่างไม่เป็นทางการอีกราว 2,000 คน โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 300,000บาทต่อคนต่อปี ทำให้รายได้จากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีไม่ต่ำกว่า 1,000ล้านบาทต่อปี

1 International Living Magazine : The world’s best places to retire in 2015

 

Implication.png

Implication.gif

  • ในระยะแรกจะเป็นโอกาสของธุรกิจที่ให้บริการผู้สูงอายุในระยะสั้นๆ ส่วนธุรกิจที่พักระยะยาวนั้นจะได้รับแรงผลักดันจากความต้องการของชาวไทยและต่างชาติที่เพิ่มขึ้นในระยะยาวมากกว่า เนื่องจากจำนวนผู้สูงอายุที่ยังน้อยอยู่และขนาดครอบครัวของไทยนั้นยังมีขนาดใหญ่บวกกับสังคมไทยที่ให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุโดยลูกหลานมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลผู้สูงอายุในครอบครัว ทำให้ในระยะแรกนั้นคาดว่าการให้บริการแบบระยะสั้นๆ เช่น daycare, nursing home และการบริการดูแลผู้สูงอายุตามบ้าน จะมีความต้องการและเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจมากกว่า ส่วนโอกาสทางธุรกิจตลาดที่พักระยะยาวจะมีเพิ่มขึ้นในระยะถัดไป โดยสามารถตอบสนองได้ทั้งผู้สูงอายุคนไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการใช้ชีวิตหลังเกษียณในประเทศที่ค่าใช้จ่ายถูกลง

  • ด้วยศักยภาพการเติบโตในระยะยาว อีไอซีแนะผู้ประกอบการไทยควรเริ่มติดตามและทำความเข้าใจการเปลี่ยนไปของโครงสร้างและพฤติกรรมของสังคมผู้สูงอายุ รวมถึงศึกษารูปแบบของธุรกิจที่จะเหมาะสมกับตลาดคนไทย ผู้ประกอบการไทยควรศึกษาและทำความเข้าใจการใช้ชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านโรคเรื้อรังต่างๆ การหากิจกรรมที่เหมาะสม และการวางแผนโครงสร้างและการก่อสร้างที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ นอกจากนี้ สถานที่ตั้งของโครงการควรจะตั้งอยู่ใกล้กับสถานพยาบาลเพื่อความรวดเร็วในการเดินทางของผู้สูงอายุในกรณีฉุกเฉิน ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยควรมองหาโอกาสการลงทุนก่อนที่ต่างชาติจะเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดส่วนนี้ไปเพราะเป็นหนึ่งในสาขาธุรกิจที่ BOI ให้การสนับสนุน โดยเฉพาะธุรกิจบ้านพักคนชราที่เริ่มเห็นบริษัทจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทญี่ปุ่น เยอรมนี และประเทศในสแกนดิเนเวียที่มีความสนใจเข้ามาลงทุน นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยควรหาพันธมิตรทางธุรกิจโดยเฉพาะผู้ที่เชี่ยวชาญอยู่แล้วจากต่างประเทศ เพื่อที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนการให้บริการด้านสุขภาพที่ดีซึ่งเป็นจุดแข็งของไทย เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้สูงขึ้น

 

รูปที่ 1: ประชากรสูงอายุในแต่ละประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การเพิ่มขึ้นของอายุขัยเฉลี่ย รวมไปถึงขนาดครอบครัวที่เล็กลงส่งผลดีต่อโอกาสการเติบโตของธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ

 

จำนวนประชากรสูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปต่อประชากรของประเทศ
หน่วย: ล้านคน, % ผู้สูงอายุต่อประชากรทั้งประเทศ

pic1.jpg

ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ CEIC

 

อายุขัยโดยเฉลี่ยของประชากรในประเทศต่างๆ  

 จำนวนสมาชิกครอบครัวของแต่ละประเทศ

หน่วย: ปี  

 หน่วย: คน

pic1.2.jpg    pic1.3.jpg
 ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ World Bank    

 

 

รูปที่ 2: ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุสามารถแบ่งออกได้หลายประเภท ตามลักษณะสินค้าและบริการ และตลาดที่มุ่งเน้น

 

ประเภทของธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ
pic2.jpg
ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ American Senior Housing Association

 

 

รูปที่ 3: ประชากรไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยแบบเต็มรูปแบบในปี 2025

 

สัดส่วนประชากรไทยในช่วงอายุต่างๆ

หน่วย: ล้านคน

pic3.jpg
ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ US Census Bureau

 

 

รูปที่ 4: ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุในไทยมีโอกาสเติบโตเนื่องจากขนาดครอบครัวที่เล็กลงและอัตราการอยู่คนเดียวของผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น 

 

จำนวนสมาชิกครอบครัวของคนไทย    อัตราการอยู่คนเดียวของผู้สูงอายุไทย
หน่วย: คน  

หน่วย: % ผู้สูงวัยที่อยู่คนเดียวต่อประชากรอายุมากกว่า 60 ปี

pic4.jpg    pic4.2.jpg
ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ NSO    
     
อัตราส่วนเหตุผลที่ผู้สูงอายุไม่ไปรับการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง    
หน่วย: % ผู้สูงวัยที่ไม่ได้รับการดูแลรักษาพยาบาล    
pic4.3.jpg    
ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของการสำรวจในรายงานคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติปี 2013

 

 

รูปที่ 5: ในระยะสั้นธุรกิจที่พำนักระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุในไทยจะยังไม่เติบโตมากนักแต่จะเติบโตมากขึ้นในระยะยาวเมื่อจำนวนผู้สูงอายุต่อประชากรเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับภาวะในสหรัฐฯ   

 

อัตราการเติบโตของราคาห้องพักผู้สูงอายุในสหรัฐฯและ
อัตราผู้สูงอายุสหรัฐฯ ที่อายุมากกว่า 55 ปีต่อประชากร
  อัตราผู้ดูแลต่อผู้สูงอายุ
หน่วย: % YOY(ซ้าย), % ต่อประชากรทั้งหมด(ขวา)   หน่วย: คน
pic5.jpg    pic5.2.jpg
ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ American Senior Housing Association และ CEIC
 
การประมาณการอัตราการเติบโตของจำนวนประชากรสูงอายุไทยในแต่ละช่วงอายุต่อปี
หน่วย: % 5 ปี CAGR
pic5.3.jpg
ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ US Census Bureau

 

 

ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ยอมรับ