SHARE
ECONOMIC OUTLOOK / SCB EIC MONTHLY
25 กรกฏาคม 2013

Outlook ไตรมาส 3/2013

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคาร ไทยพาณิชย์ (EIC) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีศักยภาพจะขยายตัวได้ 4.0% ในปี 2013 ต่ำกว่าประมาณการเดิม เนื่องจาก 1) การบริโภค และการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มชะลอตัวลงชัดเจน 2) การลงทุนของภาครัฐในแผนบริหารจัดการน้ำล่าช้ากว่าที่คาด และ 3) การส่งออกเติบโตได้ไม่ดีในครึ่งปีแรกและยังไม่น่าจะปรับตัวดีขึ้นมากนักในครึ่งปีหลัง เนื่องจากยังมีความเสี่ยงของการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าหลัก โดยทั้งปีคาดว่าการส่งออกของไทยจะขยายตัวได้เพียง 3-5% ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น EIC คาดว่าอาจปรับ ลดลงเพิ่มเติมเพื่อช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งสามารถทำได้ในปัจจุบันเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังทรงตัวในระดับต่ำ สำหรับ ค่าเงินบาทน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 30-31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากยังคงมีความเสี่ยงจากการไหลออกของเงินทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับการลดขนาดมาตรการซื้อสินทรัพย์ (QE3) ของสหรัฐฯ


5917_20130725135744.png


Outlook ไตรมาส 3/2013

 

1034_20100719093921.gif  ภาพรวมเศรษฐกิจปี 2013
1034_20100719093921.gif  Bull - Bear: ราคาน้ำมัน 
1034_20100719093921.gif  In focus
    1034_20100719093921.gif  แนวโน้มส่งออกครึ่งปีหลัง...โตหรือตัน
    1034_20100719093921.gif  ลงทุน 2 ล้านล้าน: นัยต่อเศรษฐกิจไทย
1034_20100719093921.gif  Summary of main forecasts

ดาวน์โหลดเอกสารภาษาไทยเพื่ออ่านต่อฉบับเต็ม  

1034_20100719093921.gif  ภาพรวมเศรษฐกิจปี 2013 

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ (EIC) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีศักยภาพจะขยายตัวได้ 4.0% ในปี 2013 ต่ำกว่าประมาณการเดิม เนื่องจาก 1) การบริโภค และการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มชะลอตัวลงชัดเจน 2) การลงทุนของภาครัฐในแผนบริหารจัดการน้ำล่าช้ากว่าที่คาด และ 3) การส่งออกเติบโตได้ไม่ดีในครึ่งปีแรกและยังไม่น่าจะปรับตัวดีขึ้นมากนักในครึ่งปีหลัง เนื่องจากยังมีความเสี่ยงของการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าหลัก โดยทั้งปีคาดว่าการส่งออกของไทยจะขยายตัวได้เพียง 3-5% ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น EIC คาดว่าอาจปรับลดลงเพิ่มเติมเพื่อช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งสามารถทำได้ในปัจจุบันเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังทรงตัวในระดับต่ำ สำหรับค่าเงินบาทน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 30-31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากยังคงมีความเสี่ยงจากการไหลออกของเงินทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับการลดขนาดมาตรการซื้อสินทรัพย์ (QE3) ของสหรัฐฯ 

 


1034_20100719093921.gif  Bull - Bear: ราคาน้ำมัน 

แม้ว่าความต้องการน้ำมันจะมีแนวโน้มสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ แต่หากมองทางฝั่งอุปทานคาดว่ายังมีเพียงพอรองรับกับความต้องการ ทำให้ราคาน้ำมันไม่เพิ่มสูงขึ้นมากนัก อีกทั้งการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันอันดับสองของโลก จะเป็นปัจจัยกดดันระดับอุปสงค์ และราคาน้ำมันเช่นกัน อีกทั้งการเก็งกำไรในตลาดน้ำมันที่มีแนวโน้มลดลง จะช่วยลดความผันผวนของราคาน้ำมันได้ในระดับหนึ่ง ส่วนทิศทางราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2013 อันเนื่องมาจากปัญหาการเมืองในประเทศผู้ผลิตน้ำมันน่าจะเป็นการเพิ่มสูงขึ้นในระยะสั้น ซึ่งต้องจับตาว่าความรุนแรงจะยืดเยื้อหรือไม่ เพราะจะทำให้ราคาน้ำมันดิบอาจพุ่งสูงขึ้นได้

 

 1034_20100719093921.gif  In focus

1034_20100719093921.gif  แนวโน้มส่งออกครึ่งปีหลัง...โตหรือตัน

มูลค่าการส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2013 เติบโตได้ในระดับที่ค่อนข้างต่ำที่ 1.9%YOY โดยสาเหตุหลักมาจาการเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง ซึ่งสินค้าที่ส่งออกไปจีนเป็นหลักเช่น อิเล็กทรอนิกส์และยางพารา ล้วนหดตัวค่อนข้างมาก สำหรับในครึ่งปีหลังนั้น EIC ประเมินว่าอัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกไทยไม่น่าจะสูงขึ้นมากนักเนื่องจากสินค้าหลักของไทยหลายสินค้ามีแนวโน้มหดตัว โดยเฉพาะอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของไทยน่าจะหดตัวประมาณ 1-5%YOY ในปี 2013 จากความต้องการคอมพิวเตอร์โลกที่ลดลง รวมถึงสินค้าเกษตรเช่น ยางพารา ข้าว และน้ำตาล ที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางด้านราคา อย่างไรก็ดีสินค้าหลักบางสินค้าเช่น รถยนต์และส่วนประกอบ และ เคมีภัณฑ์และพลาสติก น่าจะยังขยายตัวได้ในระดับสูงตามการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า โดย EIC ประเมินว่าการส่งออกในปี 2013 น่าจะมีศักยภาพขยายตัวได้ราว 3-5% ซึ่งเป็นระดับที่ไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตในอดีต

 

1034_20100719093921.gif  ลงทุน 2 ล้านล้าน: นัยต่อเศรษฐกิจไทย

แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย วงเงิน 2 ล้านล้านบาท (ปี 2013-2020) นับเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ครั้งสำคัญ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอนาคต และสนับสนุนการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) ในปี 2015 ส่งผลให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการลงทุนครั้งนี้ ทั้งประเด็นเรื่องผลกระทบต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจไทย รวมถึงความเสี่ยงในด้านต่างๆ เป็นต้น ทั้งนี้ EIC ประเมินว่า การลงทุนครั้งนี้จะส่งผลให้รายได้ประชากรและเศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยปีละ 0.5-1.0% ในช่วงระยะเวลา 7 ปีของการลงทุน (ปี 2013-2020) ตามการใช้จ่ายของภาครัฐเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เกิดการขยายตัวของสังคมเมือง รวมทั้งเมืองศูนย์กลางการค้าและการขนส่ง นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจมากมาย โดยเฉพาะธุรกิจก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการก่อสร้างโครงการต่างๆ อย่างไรก็ดี การลงทุนครั้งนี้ยังนำมาซึ่งความท้าทายที่สำคัญต่อประเทศไทยในอนาคต ทั้งในเรื่องฐานะการคลังของรัฐบาล และความเพียงพอของสภาพคล่องในประเทศสำหรับการลงทุนของภาคเอกชนไท

 

Get the additional info

ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ยอมรับ