ทิศทางการบินของไทยหลังการแจ้งเตือนของ ICAO
ตามที่มีกระแสข่าวความเป็นไปได้ที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือด้านความปลอดภัยของกรมการบินพลเรือนไทย อีไอซีมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลต่อเนื่องให้สถาบันประเมินมาตรฐานอื่นๆ ทำการทบทวนมาตรฐานด้านความปลอดภัยทางการบินของไทย ดังจะเห็นได้จาก US FAA ขอเข้าตรวจสอบและประเมินไทยในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้
ผู้เขียน: วิสสุตา แจ้งประจักษ์
Highlight
|
การแจ้งเตือนของ ICAO ถึงความเป็นไปได้ในการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือด้านความปลอดภัยของกรมการบินพลเรือนไทยนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงอาจส่งผลให้สถาบันประเมินมาตรฐานอื่นๆ ทำการทบทวนมาตรฐานความปลอดภัยทางการบินของไทยเพิ่มเติม ภายหลังที่ ICAO เข้าตรวจสอบการดำเนินงานของกรมการบินพลเรือนของไทยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาและได้แจ้งเตือนว่าอันดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยของกรมการบินพลเรือนไทยอาจถูกปรับลดเป็นสถานะกลุ่มประเทศที่มีข้อบกพร่องอย่างมีนัยสำคัญด้านความปลอดภัย (Significant Safety Concern: SSC) ส่งผลให้ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ประกาศสั่งห้ามเที่ยวบินเช่าเหมาลำบินเข้าประเทศในทันที โดยมีการอนุโลมให้ชั่วคราวในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวระหว่างเดือนเมษายนและพฤษภาคม นอกจากนี้ เครื่องบินที่จดทะเบียนในประเทศไทยยังจะได้รับการตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้นจากนานาชาติอีกด้วย อีไอซีคาดว่าการตอบสนองดังกล่าวเป็นเพียงปฏิกิริยาตอบโต้เบื้องต้นเท่านั้น และการพิจารณาทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือโดย ICAO อาจกระตุ้นให้สถาบันประเมินมาตรฐานแห่งอื่นๆ รวมถึง US FAA ของสหรัฐฯ และ EASA ของสหภาพยุโรปเข้าตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย ดังจะเห็นได้จากตัวอย่างในปี 2008 ที่ US FAA ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฟิลิปปินส์ ICAO ได้ขอเข้าตรวจสอบและปรับลดอันดับเช่นกันในปี 2009 ซึ่งยังต่อเนื่องมาในปี 2010 ที่สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ได้มีการสั่งห้ามสายการบินฟิลิปปินส์ให้บริการผ่านน่านฟ้าอีกด้วย
แม้ว่าจะพ้นจากการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือจาก ICAO ก็ยังไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะยังมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดมาตรฐานด้านความปลอดภัยจากสถาบันอื่นๆ กรณีอินโดนีเซียเป็นบทเรียนที่น่าสนใจที่แม้ว่า ICAO จะตัดสินใจไม่ปรับลดสถานะความปลอดภัยทางการบินของอินโดนีเซียเป็น SCC แต่ก็ไม่สามารถยับยั้งการปรับลดอันดับของ US FAA และ EASA ได้ โดยในปัจจุบันสายการบินของอินโดนีเซียส่วนใหญ่ไม่ได้รับอนุญาตให้บินเข้าน่านฟ้าของสหภาพยุโรป
หากเกิดการปรับลดสถานะความปลอดภัยจะส่งผลให้เกิดการสูญเสียความนิยมจากผู้โดยสารโดยทันที จากบทเรียนของฟิลิปปินส์ทำให้เห็นภาพของผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ในทันทีที่มีการปรับลดสถานะความปลอดภัยของสถาบันการบินพลเรือน โดยในช่วงที่ถูกขึ้นบัญชีดำของสหภาพยุโรป Philippine Airlines ประสบภาวะสูญเสียความนิยมหลังจากยุโรปประกาศเตือนประชาชนถึงการปรับลดสถานะของสายการบินฟิลิปปินส์ แม้ว่าในขณะนั้นทางสายการบินไม่ได้ให้บริการในเส้นทางระหว่างประเทศฟิลิปปินส์และสหภาพยุโรปแล้วก็ตาม โดยสายการบินฟิลิปปินส์ได้สูญเสียฐานลูกค้าให้กับคู่แข่งที่เป็นสายการบินต่างชาติและสายการบินต้นทุนต่ำที่ให้บริการในเส้นทางเดียวกัน จนทำให้สัดส่วนของผู้ใช้บริการต่างชาติของสายการบินฟิลิปปินส์ลดลงมากกว่า 9% จาก 33% ในปี 2005 เหลือเพียง 24% ในปี 2013 นอกจากนี้ อัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมของผู้ใช้บริการต่างชาติหลังการปรับลดอันดับในช่วงปี 2010 ถึง 2013 ยังลดลงอย่างชัดเจนจนเหลือน้อยกว่า 2% ต่อปี ในขณะที่ก่อนการปรับลดอันดับในช่วงปี 2005-2008 บริษัทมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมสูงกว่า 5% ต่อปี อย่างไรก็ดี ผลกระทบดังกล่าวไม่เป็นที่น่าแปลกใจเนื่องจากความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญที่ลูกค้าพิจารณาเลือกใช้บริการสายการบิน สำหรับกรณีของประเทศไทย การสูญเสียความนิยมจากผู้โดยสารจะส่งผลให้สายการบินเต็มรูปแบบของไทยแข่งขันกับสายการบินของกลุ่มประเทศตะวันออกกลางได้ยากขึ้น โดยในช่วง 2-3 ปีผ่านมา สายการบินกลุ่มดังกล่าวเป็นคู่แข่งใหม่ที่พยายามเจาะตลาดโดยการให้บริการในระดับพรีเมี่ยมในราคาที่ไม่สูงมากนัก
การปรับลดอันดับความปลอดภัยและการระงับการเพิ่มเส้นทางบินเป็นระยะเวลานานจะส่งผลเสียต่อความสามารถในการแข่งขันของสายการบินเนื่องจากทำให้ต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้นและจำกัดโอกาสในการขยายธุรกิจ การสูญเสียความนิยมจากลูกค้าไม่ได้เป็นผลกระทบเดียวที่อาจเกิดขึ้นต่อสายการบินของไทยหากถูกปรับลดอันดับความปลอดภัย แต่จะประสบกับข้อจำกัดในขยายขอบเขตการให้บริการ เนื่องจากประเทศที่ถูกขึ้นบัญชีดำจะไม่สามารถเพิ่มเที่ยวบินหรือเพิ่มเส้นทางใหม่ได้ รวมทั้งสถานะทางการเงินอาจได้รับผลกระทบดังที่ปรากฏในกรณีสายการบินฟิลิปปินส์ที่รายได้เติบโตในอัตราเฉลี่ยสะสมเพียง 0.3% ต่อปี ในระหว่างปี 2008-2013 ที่ถูกปรับลดอันดับความปลอดภัย นอกจากนี้ ผลกำไรของสายการบินอาจลดลงจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการดำเนินงาน อัตราค่าเช่าเครื่องบิน และเบี้ยประกัน ตลอดจนเงื่อนไขการซ่อมบำรุงที่มีความเข้มงวดมากขึ้นอีกด้วย
การคืนอันดับความปลอดภัยทางการบินอาจใช้เวลานานไม่ต่ำกว่า 4 ปี โดยจะต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการผลักดัน จากตัวอย่างในอดีตจะเห็นว่าการคืนอันดับความน่าเชื่อถือมีความเป็นไปได้ แต่กระบวนการดังกล่าวอาจต้องใช้เวลานาน เช่น ฟิลิปปินส์ อิสราเอล และอินเดีย ที่ใช้เวลาโดยเฉลี่ย 4 ปีในการเลื่อนอันดับมาเป็นประเภท 1 โดยอีไอซีมองว่าการที่จะผลักดันให้สถาบันประเมินมาตรฐานต่างๆ ปรับสถานะความปลอดภัยขึ้นจะต้องอาศัยการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและเอกชน ดังตัวอย่างในปี 2012 ที่ Philippine Airlines ได้จัดจ้างที่ปรึกษาด้านการบินจากสหรัฐฯ เพื่อจัดการอบรมและให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคแก่สถาบันการบินพลเรือนของประเทศ (CAAP) ตลอดจนจัดทำแผนงานดำเนินงานของ CAAP ที่จะรับรองผลการปฏิบัติงานที่มีความสอดคล้องกับมาตรฐาน ICAO โดยแผนงานดังกล่าวรวมถึงการจัดทำคู่มือการตรวจสอบ ข้อแนะนำเชิงเทคนิค และการปรับปรุงกฎระเบียบการบินพลเรือนของฟิลิปปินส์ด้วย โดยการจัดจ้างที่ปรึกษาในกรณีนี้ CAAP ไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆ เนื่องจาก Philippine Airlines เป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด อย่างไรก็ดี ความสำเร็จของ CAAP และที่ปรึกษาในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของอุตสาหกรรมการบินของฟิลิปปินส์ ส่งผลให้ ICAO ยกเลิกสถานะ SSC ของประเทศฟิลิปปินส์ในปี 2013 หรือภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปีหลังจากการจ้างที่ปรึกษาดังกล่าว โดยการเลื่อนอันดับครั้งนั้นทำให้รายได้สายการบินฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นถึง 36% ระหว่างปี 2013 และ 2014
การร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อการแก้ไขปัญหามาตรฐานด้านความปลอดภัยก่อนการประกาศลดสถานะความปลอดภัย จะช่วยให้เกิดความมั่นใจต่อสายการบินและมาตรฐานการบินของประเทศได้อย่างแน่นอน เนื่องจาก ICAO ได้แจ้งเตือนการพิจารณาปรับลดสถานะความปลอดภัยเป็นการล่วงหน้า ไทยจึงมีโอกาสดำเนินมาตรการแก้ไขต่างๆ ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เพื่อหลีกเลี่ยงการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าว โดยหนึ่งแนวทางที่กรมการบินพลเรือนได้ดำเนินการคือ การคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการบินเพื่อเข้าร่วมพิจารณาแผนการแก้ไขปรับปรุงเพื่อนำเสนอต่อ ICAO ในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งคาดว่า สายการบินที่ให้บริการในประเทศไทยทั้งหมด 44 แห่ง จะได้รับการออกใบรับรองตามมาตรฐาน ICAO ฉบับใหม่หลังจากนั้น รวมทั้งมีการพิจารณาออกใบอนุญาตให้สายการบิน 7 แห่งให้สามารถขนส่งวัตถุอันตรายทั้งภายในและระหว่างประเทศได้ด้วย ในส่วนของมาตรการแก้ไขของภาคเอกชน สายการบินชั้นนำของไทย 4 แห่ง (การบินไทย บางกอกแอร์เวย์ นกแอร์ และไทยแอร์เอเชีย) ได้ร่วมกันระดมเงินทุนจำนวน 17 ล้านบาท เพื่อการจัดจ้างที่ปรึกษาทางการบินต่างชาติเพื่อจัดการอบรมและให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคต่อกรมการบินพลเรือนไทยและสายการบินที่จดทะเบียนในประเทศไทย ทั้งนี้ ผลสำเร็จของความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชนของไทยดังกล่าวจะปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนเมื่อ ICAO นำเสนอรายงานฉบับสมบูรณ์ และ US FAA เริ่มการตรวจสอบในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้
![]() |
|
|
รูปที่ 1: เกณฑ์การกำกับและตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยการบินพลเรือนของ ICAO และ US FAA มีความใกล้เคียงกัน
ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ ICAO และ US FAA
รูปที่ 2: สหภาพยุโรปประกาศห้ามการให้บริการของสายการบินที่ขึ้นทะเบียนในฟิลิปปินส์ เมื่อฟิลิปปินส์ไม่ผ่านการประเมินของ US FAA และ ICAO
ปีที่มีการตรวจสอบ | สถาบันการตรวจสอบ | ผลการตรวจสอบเบื้องต้น | มาตรการของสถาบันตรวจสอบ | ปีที่มีการยกเลิกมาตรการ |
2008 | US FAA | ไม่สามารถดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัยนานาชาติของ ICAO โดยมีรายการข้อบกพร่อง ดังนี้
|
ปรับลดสถานะการบินพลเรือนของประเทศฟิลิปปินส์จากประเภท 1 เป็นประเภท 2 | 2014 |
2009 | ICAO | ตรวจ พบข้อกังวลด้านความปลอดภัย 88 รายการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อกำหนดการตรวจสอบ 278 ข้อจากทั้งหมด 987 ข้อ ซึ่งทำให้สัดส่วนการดำเนินงานที่ตกมาตรฐานความปลอดภัยการบินถึง 28% | พบข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัยของสถาบันการบินพลเรือนฟิลิปปินส์ | 2013 |
2010 | EASA | สรุป ผลการประเมินว่า ประเทศฟิลิปปินส์ขาดมาตรการในการตรวจสอบและกำกับความปลอดภัยการบินพลเรือน โดยอ้างอิงผลการตรวจสอบของ US FAA ในปี 2008 และ ICAO ในปี 2009 | สายการบินที่จดทะเบียนในฟิลิปปินส์ถูกขึ้นบัญชีดำของสหภาพยุโรป | 2013 |
ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ Presidential Communications Operations Office ภายใต้ US FAA ที่อ้างอิงจาก Wallace Business Forum
รูปที่ 3: รายได้ของสายการบินฟิลิปปินส์เติบโตได้น้อยและมีผลกำไรลดลงในช่วงที่มีการปรับลดสถานะความปลอดภัยทางการบิน
ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ CAPA
ดาวน์โหลด EIC infographic : ทิศทางการบินของไทยหลังการแจ้งเตือนของ ICAO