SHARE
IN FOCUS
26 มีนาคม 2015

โอกาสการเติบโตของธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาและผลจากการเก็บภาษี

- กฎหมายที่เกี่ยวกับโรงเรียนกวดวิชาในไทยยังเอื้อต่อการขยายตัวของธุรกิจ แม้การเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชามีแนวโน้มส่งผลต่อการปรับขึ้นค่าเรียน และยิ่งเพิ่มการกระจุกตัวของโรงเรียนกวดวิชาตามหัวเมืองหลักมากกว่าหัวเมืองรอง แต่ธุรกิจโรงเรียนกวดวิชายังมีโอกาสขยายตัวอีกมากในอนาคตจากสัดส่วนนักเรียนกวดวิชาที่ยังไม่มากและระบบการศึกษาที่ยังเน้นการวัดผลจากการสอบ - ผู้ประกอบการโรงเรียนกวดวิชาจะต้องลงทุนทำระบบบัญชีและวางแผนภาษีเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าระบบภาษี และมีแนวโน้มวางแผนการบริหารเป็นธุรกิจมากขึ้น ผู้ประกอบการควรสร้างความแตกต่างออกไปจากเดิมเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันจากภาวะต้นทุนที่สูงขึ้น

ผู้เขียน: ลภัส อัครพันธุ์

 

ThinkstockPhotos-184413460-s.jpg

 

 

highlight_education.jpg

  • กฎหมายที่เกี่ยวกับโรงเรียนกวดวิชาในไทยยังเอื้อต่อการขยายตัวของธุรกิจ แม้การเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชามีแนวโน้มส่งผลต่อการปรับขึ้นค่าเรียน และยิ่งเพิ่มการกระจุกตัวของโรงเรียนกวดวิชาตามหัวเมืองหลักมากกว่าหัวเมืองรอง แต่ธุรกิจโรงเรียนกวดวิชายังมีโอกาสขยายตัวอีกมากในอนาคตจากสัดส่วนนักเรียนกวดวิชาที่ยังไม่มากและระบบการศึกษาที่ยังเน้นการวัดผลจากการสอบ

  • ผู้ประกอบการโรงเรียนกวดวิชาจะต้องลงทุนทำระบบบัญชีและวางแผนภาษีเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าระบบภาษี และมีแนวโน้มวางแผนการบริหารเป็นธุรกิจมากขึ้น ผู้ประกอบการควรสร้างความแตกต่างออกไปจากเดิมเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันจากภาวะต้นทุนที่สูงขึ้น

 

กฎหมายที่เกี่ยวกับโรงเรียนกวดวิชาในไทยถือว่าไม่ได้เข้มงวดนักเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ซึ่งเอื้อต่อการขยายตัวของธุรกิจ โดยกฎหมายของแต่ละประเทศนั้นจะแตกต่างออกไปตามการให้ความสำคัญของรัฐบาลต่อโรงเรียนกวดวิชาในประเทศนั้นๆ สำหรับประเทศไทยนั้นถือว่ารัฐบาลยังเห็นความสำคัญของโรงเรียนกวดวิชาต่อระบบการศึกษาทำให้กฎหมายยังเปิดกว้างต่อการทำธุรกิจ และเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศชั้นนำในเอเชียที่มีการเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชาแล้ว ยังถือว่าการประกอบธุรกิจของโรงเรียนกวดวิชาของไทยนั้นยังมีข้อจำกัดน้อย ญี่ปุ่นและสิงคโปร์นั้นมีการตั้งคณะกรรมการแยกออกจากกระทรวงศึกษาเพื่อกำกับและตรวจสอบโรงเรียนกวดวิชาโดยเฉพาะ ซึ่งในสิงคโปร์มีการกำหนดคุณสมบัติของครูที่จะมาสอนพิเศษของแต่ละระดับชั้น และการควบคุมการโฆษณาที่ไม่ให้เกินจริง นอกจากนี้เกาหลีใต้และฮ่องกงได้มีการจำกัดจำนวนนักเรียนในแต่ละห้องเรียนเพื่อให้การเรียนกวดวิชามีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ การประกาศเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชาเป็นเพียงการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการการศึกษาทั้งระบบ และเพื่อให้รัฐบาลสามารถตรวจสอบและควบคุมค่าเรียนของโรงเรียนกวดวิชาได้ง่ายขึ้น โดยปัจจุบันประเทศไทยมีข้อปฏิบัติกำหนดให้โรงเรียนกวดวิชามีกำไรจากการประกอบธุรกิจได้ประมาณ 20% ซึ่งเมื่อประกอบกับกฎหมายที่ไม่เข้มงวดมากนักแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่โรงเรียนกวดวิชาในไทยมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว

 

การเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชามีแนวโน้มการปรับขึ้นค่าเรียน และยิ่งเพิ่มการกระจุกตัวของโรงเรียนกวดวิชาตามหัวเมืองหลักมากกว่าหัวเมืองรอง จากปี 2010 จนถึงปัจจุบัน ค่าเรียนพิเศษได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30% และคาดว่าโรงเรียนกวดวิชามีแนวโน้มปรับราคาค่าเรียนเพิ่มขึ้นเมื่อมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากภาระภาษีที่ต้องเสีย โดยเฉพาะโรงเรียนกวดวิชาที่มีแผนธุรกิจที่เน้นการขายแฟรนไชส์ เนื่องจากที่ผ่านมาโรงเรียนเหล่านี้เน้นขยายสาขาเพื่อช่วยเพิ่มจำนวนนักเรียนและไม่ปรับเพิ่มค่าเรียนมากนัก เช่น Kumon ที่ค่าเรียนพิเศษเพิ่มขึ้นเพียง 7% ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้กลุ่มนี้มีแนวโน้มปรับขึ้นค่าเรียนเพราะต้นทุนภาระภาษีที่เพิ่มเข้ามา ในขณะที่โรงเรียนกวดวิชาอื่นๆ มีการปรับขึ้นค่าเรียนมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้การปรับเพิ่มราคาค่าเรียนจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจะทำให้โรงเรียนกวดวิชาต้องระวังการลงทุนในการขยายสาขามากขึ้นด้วย โดยมีแนวโน้มที่ผู้ประกอบการจะเลือกทำเลสถานที่ที่มีความหนาแน่นของนักเรียนที่มีความสามารถในการจ่ายค่าเรียนพิเศษที่เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อเนื่องให้การเข้าถึงโรงเรียนกวดวิชาของนักเรียนที่ผู้ปกครองมีรายได้น้อยจะทำได้ยากขึ้น ปัจจุบันจำนวนนักเรียนที่เรียนพิเศษส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ หรือคิดเป็นสัดส่วน 39% ของนักเรียนที่เรียนพิเศษทั้งประเทศ การเลือกทำเลที่ตั้งสาขาใหม่ๆ นั้นจึงจะยิ่งทำให้มีการกระจุกตัวของโรงเรียนกวดวิชาตามหัวเมืองใหญ่ต่างๆ มากกว่าหัวเมืองรอง

 

สัดส่วนนักเรียนกวดวิชาต่อนักเรียนในระบบที่ยังไม่มากทำให้ธุรกิจโรงเรียนกวดวิชายังมีโอกาสขยายตัวอีกมากในอนาคต โดยรายได้ของธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาทั้งระบบมีประมาณ 10,000 ล้านบาท จากจำนวนนักเรียนราว 535,000 คน โดยถ้าคิดเป็นสัดส่วนเทียบกับนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาทั่วประเทศ จะพบว่าสัดส่วนนักเรียนกวดวิชามีเพียง 14% แต่ถ้าเทียบเฉพาะในกรุงเทพฯ ก็จะมีสัดส่วนนักเรียนกวดวิชาประมาณ 55% ซึ่งถือว่ายังน้อยเมื่อเทียบกับประเทศในแถบเอเชียด้วยกัน เช่น เกาหลีใต้มีสัดส่วนนักเรียนกวดวิชาเทียบกับนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาประมาณ 74% ญี่ปุ่นประมาณ 70% และ สิงคโปร์มีถึง 90% นอกจากนี้ครอบครัวในเกาหลีใต้ยังมีอัตราค่าใช้จ่ายสำหรับค่าเรียนกวดวิชาที่ 16% ในขณะที่ครอบครัวไทยใช้จ่ายค่าเรียนพิเศษเพียง 2% - 3% ต่อค่าใช้จ่ายทั้งหมด สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาในประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่มีการขยายตัวของจำนวนโรงเรียนและนักเรียนกวดวิชาแบบก้าวกระโดด ซึ่งช่วงปี 2007 - 2013 โรงเรียนกวดวิชาในต่างจังหวัดเติบโต 139% เมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ ที่เติบโต 69% และจำนวนนักเรียนที่เรียนพิเศษในต่างจังหวัดขยายตัว 58% เทียบกับในกรุงเทพฯ ที่ขยายตัว 42% แสดงให้เห็นว่าศักยภาพการขยายตัวในต่างจังหวัดนั้นมีมากกว่า และเมื่อคำนึงถึงสัดส่วนต่อจำนวนประชากรแล้วโอกาสการเติบโตในต่างจังหวัดยังมีอยู่มาก

 

นอกจากนี้ ระบบการศึกษาที่ยังเน้นการวัดผลจากการสอบ โดยเฉพาะการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยนั้นจะเป็นตัวช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาเติบโตยิ่งขึ้น วัฒนธรรมการศึกษาของไทยนั้นส่งเสริมและเน้นการวัดผลจากคะแนนสอบเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการสอบเข้าประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา หรือการสมัครเข้าทำงานก็มักจะถูกคัดกรองจากผลการศึกษาและอันดับของสถาบันที่ผู้สมัครได้รับการศึกษามาในอดีต จากการเก็บสถิติเปรียบเทียบปัจจัยที่นำมาเป็นตัววัดผลในการรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยในไทยให้ความสำคัญกับคะแนนสอบเข้าและผลสอบในอดีตเป็นหลัก แต่คำนึงถึงประสบการณ์ของนักศึกษาในด้านอื่นๆ ค่อนข้างน้อย โดยประเทศในแถบตะวันตกและเอเชียเช่นเกาหลีใต้และมาเลเซียนั้นจะมีการวัดผลในการคัดเลือกนักเรียนที่หลากหลายกว่าเช่น การนำประวัติการทำงานหรือฝึกงาน และการทำงานเป็นอาสาสมัครมาเป็นตัวแปรในการคัดเลือกด้วย นอกจากนี้สถิติปี 2013 ชี้ว่าจำนวนนักเรียนที่มหาวิทยาลัยชั้นนำ 5 อันดับของไทยรับเข้าศึกษาคิดเป็นเพียง 7.8% ของนักเรียนระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 ทั่วประเทศ แสดงให้เห็นว่าการแข่งขันของการศึกษาในไทยนั้นสูงมาก ทำให้ผู้ปกครองและนักเรียนที่จะเข้าเรียนต่อในมหาลัยชั้นนำจำเป็นต้องเรียนกวดวิชาเพื่อที่จะสร้างความได้เปรียบในการเตรียมตัวสอบให้เหนือกว่านักเรียนคนอื่นๆ

 

Implication.png

Implication.gif

  • ผู้ประกอบการโรงเรียนกวดวิชาจะต้องลงทุนทำระบบบัญชีและวางแผนภาษีเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าระบบภาษี และวางแผนการบริหารเป็นธุรกิจมากขึ้น เนื่องจากโรงเรียนกวดวิชาส่วนใหญ่ยังไม่มีระบบบัญชีที่มีประสิทธิภาพนัก โรงเรียนกวดวิชาควรศึกษาข้อมูลเพื่อจัดการวางรากฐานให้แข็งแกร่งสำหรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต ขณะนี้โรงเรียนหลายแห่งยังคงไม่มีประสบการณ์ด้านภาษี ซึ่งปัจจุบันการจัดตั้งโรงเรียนส่วนมากยังเป็นแบบบุคคลธรรมดาและถ้าไม่ขอเปลี่ยนการจดทะเบียนมาเป็นแบบนิติบุคคล จะทำให้มีฐานภาษีสูงขึ้นเมื่อมีรายได้มากขึ้น นอกจากนี้ระบบการจัดเก็บเอกสารที่เป็นระเบียบจะช่วยให้การบริหารงานสะดวกขึ้น เนื่องจากเอกสารจำพวกใบเสร็จต่างๆนั้นสามารถนำไปหักภาษีได้และจะช่วยลดต้นทุนได้อีกทาง

  • โรงเรียนกวดวิชาควรมีการวางแผนธุรกิจให้แตกต่าง เพื่อสร้างความได้เปรียบในภาวะต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและการแข่งขันในธุรกิจที่ค่อนข้างสูง การแข่งขันที่สูงอยู่แล้วจากการมีผู้เล่นรายหลักที่มีชื่อเสียงอยู่ในระบบ ประกอบกับต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้นจากการเข้าระบบภาษีทำให้โรงเรียนกวดวิชาโดยเฉพาะรายเล็กๆ จะต้องหากลยุทธ์ที่แตกต่างออกไปในการแข่งขันมากขึ้นนอกเหนือจากจุดขายด้านเทคนิคการสอนหรือการทำข้อสอบ ในเกาหลีใต้มีโรงเรียนกวดวิชาแบบโรงเรียนประจำที่มุ่งเน้นในการสอนช่วงหยุดภาคฤดูร้อนเป็นหลักเพื่อตอบสนองนักเรียนที่ไม่อยากถูกรบกวนจากภายนอกในการเตรียมสอบ ส่วนในสิงคโปร์มีบริษัทที่ทำหน้าที่เป็นนายหน้าในการจัดหาครูสอนพิเศษให้ตรงกับความต้องการของนักเรียน และโรงเรียนกวดวิชาที่ญี่ปุ่นเริ่มมีการทำพันธมิตรกับโรงเรียนในระบบเพื่อจัดคอร์สเรียนพิเศษให้กับนักเรียนหลังเลิกเรียน แม้กระทั่งในประเทศไทยก็เริ่มมีแผนธุรกิจที่แตกต่างออกไป เช่น เคมีอาจารย์อุ๊เปิดวรรณสรณ์อพาร์ตเม้นต์ในต่างจังหวัดให้นักเรียนที่ไม่สะดวกในการเดินทางมาเช่าห้องพักและสามารถเข้าถึงการเรียนการสอนได้ง่ายขึ้น เนื่องจากห้องเรียนและห้องพักอยู่ในอาคารเดียวกัน เป็นต้น

 

 

รูปที่ 1: ตารางเปรียบเทียบกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องโรงเรียนกวดวิชา
 

ประเทศ กฎหมายโรงเรียนกวดวิชา
ไทย ควบคุมไม่ให้อัตรากำไรสุทธิเกิน 20% และต้องขออนุญาตเมื่อขึ้นราคาค่าเรียน
เกาหลีใต้ กำหนดเวลาเรียนเปิดปิด จำกัดจำนวนนักเรียนต้องห้อง และไม่อนุญาตให้ครูที่สอนในโรงเรียนปกติสอนพิเศษ
ฮ่องกง ไม่สามารถเก็บค่าเรียนต่อครั้งมากกว่า 1 เดือนล่วงหน้าได้ และจำกัดนักเรียนไม่ให้เกิน 45 คนต่อห้อง
ญี่ปุ่น ไม่อนุญาตให้ครูที่สอนในโรงเรียนปกติสอนพิเศษ และอยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงเศรษฐกิจ พาณิชย์ และอุตสาหกรรม ( Ministry of Economy, Trade and Industry ) ไม่ใช่การดูแลของกระทรวงศึกษา
สิงคโปร์ มีคณะกรรมการที่ตรวจสอบและกำกับโรงเรียนกวดวิชาโดยเฉพาะ ซึ่งจะออกกฎเกณฑ์ เช่นการกำหนดคุณสมบัติของครูที่สามารถสอนพิเศษได้ การควบคุมการโฆษณา หรือกำหนดระยะเวลาการเก็บค่าเรียนล่วงหน้าสำหรับโรงเรียนต่างๆ


ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ NCSPE, CPE Singapore, และ UNESCO

 

 

 

รูปที่ 2: ค่าเรียนพิเศษเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 28% ตั้งแต่ปี 2010–ปัจจุบัน    

รูปที่ 3: จำนวนนักเรียนที่เรียนพิเศษส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ 
หน่วย: บาท ต่อ คอร์ส  หน่วย: % นักเรียน
20150326chart2.jpg  20150326chart3.jpg

 

ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการและเว็บไซต์ของผู้ประกอบการ

 

 

 

รูปที่ 4: สัดส่วนจำนวนนักเรียนที่เรียนพิเศษต่อนักเรียนมัธยมของไทยยังน้อย

20150326chart4.jpg

ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการ และ UNESCO

 

 

 

รูปที่ 5: การขยายตัวของจำนวนโรงเรียนกวดวิชาและนักเรียนโรงเรียนกวดวิชาในประเทศไทย

หน่วย: แห่ง, คน

20150326chart5.jpg

ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการ

 

 

 

รูปที่ 6: สัดส่วนจำนวนนิสิตในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศต่อนักเรียนระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 ทั่วประเทศ ปี 2013

หน่วย: %

20150326chart6.jpg

ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการ

 

 

 

รูปที่ 7: ปัจจัยที่มหาวิทยาลัยแต่ละประเทศใช้ในการคัดเลือกรับนักเรียนเข้าเรียน

ประเทศ ข้อสอบ คะแนนจากมัธยมปลาย ประวัติการทำงาน/ฝึกงาน ประวัติงานอาสาสมัคร หนังสือรับรอง เขียนเรียงความ
ฟินแลนด์ Yes Yes Yes Yes No Yes
เยอรมัน Yes Yes Yes Yes Yes Yes
สหรัฐอเมริกา Yes Yes Yes Yes Yes Yes
อังกฤษ Yes No Yes Yes Yes Yes
เกาหลีใต้ Yes Yes Yes Yes Yes Yes
ญี่ปุ่น Yes Yes N/A N/A N/A Yes
ไทย Yes Yes No No No No
มาเลเซีย Yes No Yes Yes No No
สิงคโปร์ Yes No No Yes Yes Yes
ออสเตรเลีย Yes No Yes N/A N/A Yes
ฮ่องกง Yes No No No Yes Yes


ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ OECD

ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ยอมรับ