SHARE
SCB EIC ARTICLE
25 กุมภาพันธ์ 2015

เครื่องพิมพ์อาหาร 3 มิติ…นวัตกรรมเหนือจินตนาการ

ในช่วงหลายปีมานี้ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทและสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อชีวิตวิถีชีวิตของผู้คน เศรษฐกิจและสังคมอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตในภาคอุตสาหกรรม หรือแม้แต่เทคโนโลยีที่ช่วยให้ชีวิตของเราสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เช่น การทำธุรกรรมทางธนาคารออนไลน์, การใช้ระบบเนวิเกเตอร์นำทางในการขับขี่, การค้นหาข้อมูลข่าวสารผ่าน search engine ต่างๆ หรือแม้แต่การขยายตัวอย่างรวดเร็วของเครือข่ายสังคมออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็น community อันทรงพล และมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของคนรุ่นใหม่ทั่วโลก … และหนึ่งในเทคโนโลยีที่กำลังเป็นที่นิยมและได้รับการกล่าวขานถึงมากที่สุดในขณะนี้ก็คือ “3D Printing” หรือเทคโนโลยีการพิมพ์แบบ 3 มิติ ซึ่งเราจะมาทำความรู้จักกันในวันนี้

ผู้เขียน: โชติกา ชุ่มมี

ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ 25 กุมภาพันธ์ 2558

 

179392675.jpg

 

ในช่วงหลายปีมานี้ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทและสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อชีวิตวิถีชีวิตของผู้คน เศรษฐกิจและสังคมอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตในภาคอุตสาหกรรม หรือแม้แต่เทคโนโลยีที่ช่วยให้ชีวิตของเราสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เช่น การทำธุรกรรมทางธนาคารออนไลน์, การใช้ระบบเนวิเกเตอร์นำทางในการขับขี่, การค้นหาข้อมูลข่าวสารผ่าน search engine ต่างๆ หรือแม้แต่การขยายตัวอย่างรวดเร็วของเครือข่ายสังคมออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็น community อันทรงพล และมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของคนรุ่นใหม่ทั่วโลก ... และหนึ่งในเทคโนโลยีที่กำลังเป็นที่นิยมและได้รับการกล่าวขานถึงมากที่สุดในขณะนี้ก็คือ "3D Printing" หรือเทคโนโลยีการพิมพ์แบบ 3 มิติ ซึ่งเราจะมาทำความรู้จักกันในวันนี้

 

ก่อนอื่นคงต้องบอกว่า "3D Printing" คือ การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการสร้างโมเดลเสมือนจริงหรือการขึ้นรูปชิ้นงาน (prototype) ก่อนจะเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องพิมพ์ในระบบ 3 มิติ เพื่อพิมพ์วัสดุดังกล่าวออกมาทีละชั้น (layer by layer process) ก่อนจะผลิตออกมาเป็นชิ้นงานนั่นเอง ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยแม่พิมพ์ขนาดใหญ่ (molding machine) หรือจ้างโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อทำโมเดลตัวอย่างที่ต้องสั่งจำนวนมากๆ เหมือนในอดีต โดยพบว่าปัจจุบันได้มีการนำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้อย่างหลากหลายทั้งในภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม ตั้งแต่การผลิตของเล่นเด็กชิ้นเล็กๆ ไปจนถึงการออกแบบชิ้นงานทางด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ เช่น การสร้างบ้านหรืออพาร์ตเมนท์ทั้งหลังในประเทศจีน หรือแม้แต่การผลิตเครื่องบินบังคับขนาดเล็ก การผลิตรถยนต์ eco car ที่สามารถวิ่งได้จริงบนท้องถนน รวมไปถึงการใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ เช่น สร้างโครงร่างเพื่อปลูกถ่ายอวัยวะเทียมให้กับผู้ป่วย เป็นต้น แต่อีกหนึ่งบทบาทการใช้งานที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กันซึ่งจะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงในบทความฉบับนี้คือการใช้เทคโนโลยี 3D Printing ในวงการอาหาร ซึ่งสามารถพิมพ์อาหารออกมามีหน้าตา สีสัน และรสชาติเหมือนกับอาหารซึ่งถูกปรุงตามกรรมวิธีปกติ แถมยังสามารถรับประทานได้จริงอีกด้วย

 

ถึงตอนนี้หลายคนอาจจะเกิดคำถามขึ้นในใจว่า 3D food printing ที่ว่านี้ทำงานอย่างไร? หลักการทำงานง่ายๆ ของเครื่องพิมพ์อาหาร 3 มิติ คือ การใส่ส่วนผสม (วัตถุดิบและเครื่องปรุงต่างๆ) ตามสูตรอาหาร ซึ่งถูกแปรสภาพให้อยู่ในรูปของเหลวหรือกึ่งของเหลวลงไปในแคปซูลหรือกระบอกฉีดหมึกพิมพ์ จากนั้นนำแคปซูลเหล่านี้ใส่ลงในเครื่องพิมพ์ โหลดโปรแกรมเมนูอาหารที่ต้องการ แล้วกดปุ่มให้เครื่องทำงาน หลังจากนั้นกระบอกฉีดของเครื่องพิมพ์จะค่อยๆ พ่นส่วนผสมในการปรุงอาหารขึ้นมาทีละชั้น ทีละแถว ซ้อนกันเป็นรูปทรงต่างๆ ตามขั้นตอนของการทำอาหาร และเนรมิตออกมาเป็นอาหารจานโปรดที่เราต้องการได้อย่างง่ายดายและประหยัดเวลา โดยปัจจุบันได้เริ่มมีการนำนวัตกรรมดังกล่าวนี้ไปใช้ทดลองผลิตอาหารและของหวานเมนูง่ายๆ และประสบความสำเร็จแล้ว ยกตัวอย่างเช่น พิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์ สปาเก็ตตี้ พาสต้า ซูชิ คุกกี้ บิสกิต เค้ก ช็อกโกแล็ต เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะช่วยลดขั้นตอนและความยุ่งยากในการประกอบอาหารแล้ว ยังช่วยให้เราสามารถสร้างงานศิลปะบนจานอาหาร หรือรังสรรค์เมนูอาหารที่แปลกใหม่ได้ง่ายขึ้น โดยมีการคาดหมายกันว่า เครื่องพิมพ์อาหาร 3 มิติเครื่องแรกของโลก ซึ่งผลิตโดยบริษัท Natural Machines ของสเปน จะเริ่มวางจำหน่ายในท้องตลาดภายในปี 2015 นี้ โดยราคาขายน่าจะอยู่ที่ราว 1,000 ยูโร หรือประมาณ 40,000 บาท

 

นอกเหนือจากความสะดวกสบายในชีวิตที่เพิ่มขึ้นแล้ว เครื่องพิมพ์อาหาร 3 มิติ ยังช่วยตอบโจทย์ในเรื่องการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคได้อีกด้วย โดยเราสามารถเลือกผสมวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ผักใบเขียว หัวบีทรูท หรือแครอท เพิ่มเข้าไปในส่วนผสมสำหรับปรุงอาหาร เพื่อให้อาหารมีสีสันน่ารับประทานและ
มีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น นอกจากนี้ ปริมาณอาหารที่ผลิตจากเครื่องพิมพ์อาหาร 3 มิติ จะถูกชั่งตวงวัดอย่างละเอียดและแม่นยำ โดยเครื่องพิมพ์สามารถบันทึกข้อมูลสารอาหาร ประเมินภาวะสุขภาพของผู้บริโภค และสามารถปรุงอาหารให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละคนได้ รวมทั้งอาจผสมยาประจำตัวต่างๆ ลงไปด้วย ซึ่งนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องการรับประทานยาสำหรับผู้บริโภคบางกลุ่มแล้ว ยังช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและควบคุมปริมาณอาหารที่บริโภคในแต่ละมื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

 

แม้แต่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ (NASA) ก็ยังให้ความสนใจ
นวัตกรรมการผลิตอาหารสุดไฮเทคนี้ เพื่อใช้สนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของนักบินอวกาศที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในอวกาศนานๆ
โดยได้อัดฉีดเม็ดเงินมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนบริษัทวิจัยแห่งหนึ่งในเท็กซัส ในการพัฒนาเทคโนโลยีระบบการพิมพ์แบบ 3 มิติ สำหรับแปรรูปและผลิตอาหารให้แก่นักบินอวกาศและลูกเรือซึ่งจำเป็นต้องปฏิบัติภารกิจและดำรงชีพในยานอวกาศเป็นระยะเวลายาวนาน เนื่องจากอาหารอวกาศที่มีอยู่ในปัจจุบันมีอายุการใช้งาน (expiry date) ไม่นานพอสำหรับการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางใหม่ๆ ของ NASA ซึ่งได้แก่ ดาวเคราะห์น้อยและดาวอังคาร ยิ่งไปกว่านั้น หากนักบินอวกาศสามารถเลือกเมนูโปรดที่มีความหลากหลาย หรือสามารถปรุงอาหารได้ด้วยตนเองก็จะทำให้ไม่รู้สึกเบื่ออาหาร และยังสามารถได้รับสารอาหารต่างๆ ในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกายและดีต่อสุขภาพ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้การปฏิบัติภารกิจในห้วงอวกาศมีประสิทธิภาพและมีความสุขมากยิ่งขึ้น

 

แต่ต้องไม่ลืมว่า เครื่องพิมพ์ต้นแบบที่ถูกพัฒนาขึ้นในปัจจุบันนั้น ยังมีข้อจำกัดสำคัญในเรื่องวัตถุดิบหรือส่วนผสมที่สามารถนำมาใช้งานได้ซึ่งต้องมีลักษณะข้นเหลวเท่านั้น อีกทั้งประเภทและความหลากหลายของอาหารและของหวานที่เครื่องสามารถพิมพ์ออกมาได้ก็ยังมีอยู่ไม่มากนัก ทำให้ยังคงไม่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องการทำอาหารได้อย่างแท้จริง อย่างไรก็ดี หากในอนาคตบริษัทผู้ผลิตสามารถปรับปรุงและพัฒนาเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดเหล่านี้ได้ ดิฉันเชื่อว่าเครื่องพิมพ์อาหาร 3 มิติ จะถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในเชิงพาณิชย์มากขึ้น รวมทั้งอาจกลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าพื้นฐานชนิดหนึ่งซึ่งมีใช้กันตามบ้านเรือนทั่วไปเหมือนกับตู้เย็นหรือเตาไมโครเวฟก็เป็นได้ และเมื่อเวลานั้นมาถึง โลกของการทำอาหารก็จะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป

ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ยอมรับ