ภาคการผลิตไทยปรับตัวช้าฉุดเศรษฐกิจระยะยาว SCB EIC มองดอกเบี้ยไทยจะปรับลด 2 ครั้งภายในครึ่งแรกของปี
SCB EIC มองจะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้จาก 1) เศรษฐกิจและเงินเฟ้อแผ่วลงมากในปีนี้ และ 2) Neutral rate ต่ำลงจากปัจจัยเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจ
นโยบายระยะสั้น เช่น เพิ่มสภาพคล่องและแก้หนี้ให้กลุ่มครัวเรือนเปราะบาง ควบคู่กับนโยบายระยะยาว เช่น ปรับทักษะช่วยยกระดับรายได้ยั่งยืน
ภาคก่อสร้างยังเผชิญความท้าทายจากต้นทุนก่อสร้างที่ยังอยู่ในระดับสูง ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องทางการเงิน และแรงกดดันในการลดการปล่อย CO2
ในระยะกลางอุตสาหกรรมน้ำตาลยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากปริมาณผลผลิตน้ำตาลของไทยและความต้องการบริโภคน้ำตาล
แต่ในระยะต่อไป ยังต้องเผชิญความเสี่ยงอุปทานส่วนเกินที่เพิ่มมากขึ้น และความท้าทายต่าง ๆ รวมถึงแรงกดดันจากเทรนด์ ESG
ผู้เขียน: ยุวาณี อุ้ยนอง
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมกราคมอยู่ที่ 0.68%YOY ชะลอลงจาก 0.78%YOY ในเดือนธันวาคมขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานก็ชะลอลงเช่นกันอยู่ที่ 0.58%YOY จาก 0.62%YOY ในเดือนก่อน
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงได้รับแรงผลักดันจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นแตะระดับเฉลี่ย 69 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (เบรนท์) ในเดือนมกราคม ซึ่งสูงขึ้น 25.7%YOY อย่างไรก็ตาม ราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ปรับลดลงตามราคาในตลาดโลกหลังจากมีการลอยตัวราคาและค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ ดัชนีราคาอาหารสดยังคงหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ที่ -0.94%YOY โดยเฉพาะราคาเนื้อสัตว์ รวมถึงไข่และผลิตภัณฑ์นม ขณะที่ราคาผักและผลไม้ขยายตัวเล็กน้อยเพียง 0.45%YOY
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ตามราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ ที่ไม่เพิ่มขึ้นมากนักและมีบางหมวดที่หดตัวลง เช่น หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้าราคาลดลง 0.11%YOY และหมวดการสื่อสารที่ลดลง 0.02%YOY
อีไอซีคาดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2018 จะทยอยฟื้นตัวขึ้นไปอยู่ที่ 1.1%YOY โดยปัจจัยหลักที่จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น มาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงกว่าปีก่อน จากการที่กลุ่ม OPEC และ Non-OPEC บรรลุข้อตกลงขยายระยะเวลาการลดปริมาณการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือนจนถึงเดือนธันวาคม 2018 รวมทั้งปัญหาทางการเมืองในประเทศตะวันออกกลาง ประกอบกับการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตยังคงมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อต่อเนื่องไปจนถึงช่วงครึ่งแรกของปี อย่างไรก็ตาม ราคาอาหารสดโดยเฉพาะราคาผักและผลไม้ยังมีแรงกดดันจากผลผลิตทางการเกษตรที่อาจมีปริมาณออกสู่ตลาดจำนวนมาก ตามแนวโน้มสภาพอากาศและปริมาณน้ำที่เอื้ออำนวยต่อการผลิต รวมทั้งเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะทำให้สินค้านำเข้ามีราคาถูกลงซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่กดดันอัตราเงินเฟ้อในปีนี้