SHARE
FLASH
22 มิถุนายน 2016

กนง. คงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.5% มองเศรษฐกิจฟื้น คาดเงินเฟ้อเข้าสู่เป้าหมายในครึ่งปีหลัง

คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ในการประชุมวันที่ 22 มิถุนายน 2016

ผู้เขียน: ณฐกร วิสุทธิโก

 

Analysis.png

keypoint.jpg

  • คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ในการประชุมวันที่ 22 มิถุนายน 2016
  • เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐและภาคการท่องเที่ยว ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว แม้ว่าการลงทุนภาคเอกชนยังคงขยายตัวต่ำและการส่งออกสินค้าหดตัวตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจเอเชีย
  • ภาวะการเงินอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จากอัตราดอกเบี้ยแท้จริงที่อยู่ในระดับต่ำ การระดมทุนโดยรวมของภาคธุรกิจและสินเชื่อภาคครัวเรือนยังขยายตัว
  • ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพการเงินยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม รวมทั้งพฤติกรรม search for yield
  • ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทย ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบาง ทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลัก สถานการณ์ Brexit รวมถึงความเสี่ยงในภาคการเงินจีน

 

Implication.png

886_20100622103105.gif

อีไอซีคาด กนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.5% ตลอดปี 2016

  • เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ
  • เพื่อรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบาย (policy space)

 

ตารางสรุปคำแถลงการณ์ของ ธปท. เทียบกับการประชุมครั้งก่อน 

 

หัวข้อ การประชุมครั้งก่อน
(11 พ.ค 2016)
การประชุมครั้งนี้
(22 มิ.ย. 2016)
เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจ ไทยยังคงฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐและการท่องเที่ยว ในขณะที่การส่งออกไม่รวมทองคำหดตัว ความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโน้มไปด้านต่ำมากขึ้น เนื่องจากการบริโภคภาคเอกชนมีสัญญาณอ่อนแรงลง ส่วนหนึ่งเนื่องจากครัวเรือนภาคเกษตรได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง นอกจากนี้ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและการเคลื่อนย้ายเงินทุนอาจสูงขึ้นจากความไม่ แน่นอนของทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลัก เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐและภาคการท่องเที่ยว ที่ขยายตัวได้ดี ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ตามคาด แต่การลงทุนภาคเอกชนยังขยายตัวในระดับต่ำ และการส่งออกสินค้ายังคงหดตัวตามเศรษฐกิจเอเชียที่ชะลอลงมากกว่าคาด โดยความเสี่ยงด้านต่ำยังมีอยู่จากเศรษฐกิจคู่ค้าที่อาจขยายตัวต่ำกว่าคาด และความเชื่อมั่นของภาคเอกชนที่ยังเปราะบาง อย่างไรก็ดี ความกังวลด้านภัยแล้งลดลง และราคาสินค้าเกษตรบางรายการเริ่มปรับดีขึ้น
สถานการณ์เงินเฟ้อ อัตรา เงินเฟ้อทั่วไปกลับมาเป็นบวกในเดือนเมษายนตามผลของฐานราคาน้ำมันสูงในช่วง ก่อนหน้าที่ลดลง แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ยังอยู่ในระดับต่ำ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะทยอยปรับสูงขึ้นตามฐานของราคาน้ำมัน แต่ยังเผชิญความไม่แน่นอนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกและอุปสงค์ในประเทศที่มี สัญญาณอ่อนแรง แรงกดดันเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนพฤษภาคมที่ปรับเป็นบวกมากขึ้นจากราคาพลังงานและอาหารสดที่เร่งขึ้น และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่เริ่มปรับสูงขึ้นเล็กน้อย คณะกรรมการฯ ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะปรับสูงขึ้นเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงครึ่งหลังของปี
ความเสี่ยงที่ กนง. ติดตาม
  1. ความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศและอัตราแลกเปลี่ยน
  2. พฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น (search for yield)
  3. การอ่อนแรงลงของการบริโภคภายในประเทศ
  1. พฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น (search for yield)
  2. การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบาง
  3. ทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลัก และ Brexit 4.ความเสี่ยงในภาคการเงินจีน
อัตราดอกเบี้ยนโยบาย มติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50% มติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50%
เหตุผลของกนง. นโยบายการเงินในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ผ่อนปรนเพียงพอและต่อเนื่อง และควรรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบาย(policy space) นโยบายการเงินในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ผ่อนปรนเพียงพอและต่อเนื่อง และควรรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบาย(policy space)

 

EIC_policy_rate2016_June.jpg

 

ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ยอมรับ